ในทุกระลอกของการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC มักได้รับสปอตไลต์จากกลุ่มนักลงทุนทั่วโลกเสมอ เพราะประเด็นเด่นจากการประชุมแต่ละครั้ง มักเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเทรนด์เศรษฐกิจระดับสากล เช่นเดียวกับในปีนี้ที่โลกผันผ่านมาสู่ยุคหลังโควิด สิ่งที่ถูกหยิบยกให้เป็นวาระสำคัญ คือเรื่อง FUTURE FOOD for SUSTAINABILITY ซึ่งเรียงร้อยสอดคล้องอยู่บน 3 แนวคิดหลัก คือ Open หรือการเปิดโอกาสในการค้าการลงทุนในเขตเอเชีย-แปซิฟิก FTAAP, Connect คือการเชื่อมโยงถึงกันอย่างไร้รอยต่อ และผลักดันให้นักธุรกิจตัวเล็กได้มีโอกาสมากขึ้น และ Balance คือส่งเสริมให้มีการใช้โมเดล BCG Economy เพื่อนำทางไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ที่สำคัญในปี 2565 นี้ ประเทศไทยรับหน้าที่เจ้าภาพจัดการประชุม ในฐานะ ‘ครัวของโลก’ กิจกรรมประกวด Startups ด้านอาหารอนาคตจึงอุบัติขึ้น ภายใต้คอนเซปต์ ‘Plate to Planet’ จานนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อผลักดันศักยภาพคนรุ่นใหม่ให้โชว์ศักยภาพ Soft Power ของไทย สู่สายตาผู้นำทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ โดยมีเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 2.5 ล้านบาท และแน่นอนว่าการประกวดครั้งนี้จะไม่จบลงแค่ผลการตัดสิน หากแต่ไอเดียบรรเจิดทั้งหลาย จะได้โอกาสต่อยอดธุรกิจ FUTURE FOOD อย่างเป็นรูปธรรม

 

ถึงตรงนี้ บางท่านอาจกำลังตั้งคำถามถึง FUTURE FOOD ว่านิยามที่เข้าใจง่ายของสิ่งนี้คืออะไร?

 

“ถ้าจะนิยามให้ง่ายที่สุด มันคืออาหารที่รองรับความต้องการของโลกในอนาคต ในยุคที่กำลังจะเจอวิกฤตโลกร้อน โรคระบาด และภาวะความเสี่ยงต่อการขาดแคลนอาหาร หรือพูดง่ายๆ ว่ามันคืออาหารที่เกิดมาเพื่อรองรับปัญหาในวันข้างหน้า” แดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ในฐานะตัวแทนขององค์กรไทยรายแรกๆ ที่เจาะตลาด FUTURE FOOD และหนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน ให้ความเห็นที่ทำให้เรามองภาพอาหารอนาคตชัดเจนขึ้น ทั้งยังสนับสนุนให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องปรับตัวเข้าสู่โลกแห่งอาหารอนาคตไปด้วยกัน

 

แดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน)

 

“เมื่ออาหารอนาคต เป็นความอิ่มอร่อยได้ประโยชน์เพื่อทุกคน ดังนั้นจึงหมายถึงทุกคนตลอด Value Chain ได้มีส่วนร่วม เป็นความอิ่มอร่อยที่ปรับตัวอยู่ในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นใคร และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต” พร ดารีพัฒน์ Executive Vice President แห่ง Food Factors กลุ่มธุรกิจอาหารครบวงจรขนาดใหญ่ภายใต้เครือบุญรอดฯ กล่าวสำทับถึงภาพของต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในอนาคตร่วมกัน

 

“ถ้าเราคิดว่าโลกจะเปลี่ยนด้วยภาวะโลกร้อน และในวันข้างหน้าโลกจะมีปัญหา เราจำเป็นต้องก้าวเข้ามาในวงการนี้ เพราะถ้าเราไม่เริ่มลงมือทำวันนี้ ธุรกิจเราในวันข้างหน้าอาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้” สิ่งที่แดนพูดคือการกระตุ้นให้เกิดความตระหนักของเรื่องจริงในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และเป็นวาระแห่งชาติที่ยังต้องการไอเดียจำนวนมากมาสร้างการเปลี่ยนแปลง นั่นคือแก่นหลักของกิจกรรมประกวดเมนูอาหารแห่งอนาคต (FUTURE FOOD for SUSTAINABILITY) เพราะเป็นเวทีที่จะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันที่เป็นคนทั่วไป อายุตั้งแต่ 18-45 ปี ได้มาปลดปล่อยแพสชันที่มีต่อความสนใจด้าน FUTURE FOOD ซึ่งนอกเหนือจากการชิงรางวัลรวมมูลค่าหลักล้าน ยังมีโอกาสให้ไอเดียได้ไปต่อ จนอาจกลายเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนได้ในอนาคต

 

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของประเทศไทยอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องระดับโลก การมีโครงการประกวดนี้เกิดขึ้นในเวที APEC ถือเป็นเรื่องดี สิ่งที่เราอยากเห็นคือการต่อยอดไอเดีย และผลักดันให้เกิดการเติบโตสู่โลกธุรกิจอาหารอนาคตได้ จุดเริ่มต้นจะต้องมาจากไอเดียก่อน แล้วจะเกิดการต่อยอดไปได้เอง ถ้าผู้เข้าประกวดคนไหนสามารถสร้างไอเดียที่สื่อสารให้เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เรียบง่าย แต่ทรงพลัง ก็จะได้เปรียบ ผมเชื่อว่าคนรุ่นใหม่มีแนวคิดเรื่องนี้อยู่แล้ว และบ่อยครั้งที่ Big Idea ซึ่งเป็นสิ่งที่รันวงการมักมาจากคนกลุ่มนี้ ไม่ใช่แค่ภาคเอกชนรายใหญ่เท่านั้น เพียงแต่จะทำอย่างไรให้เขาได้มีพื้นที่มาปล่อยของ หรือให้มาเจอกับภาคเอกชนที่อาจจะเป็น Technology Provider ซึ่งเวทีนี้จะทำให้เกิดการเชื่อมต่อและพัฒนางานร่วมกันได้ และมันเป็นเวทีระดับโลก” ธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท เดอะไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านอุตสาหกรรมอาหารอนาคตรายใหญ่ของเมืองไทย ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน หนึ่งในคณะกรรมการในการตัดสิน ให้ความเห็นถึงความน่าสนใจของการประกวดดังกล่าว ที่จะส่งแรงกระเพื่อมต่อภาคเศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม 

 

ธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท เดอะไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด

 

อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้น การเปิดลู่ทางให้ไอเดียได้ไปต่อ นับเป็นจุดเด่นของการประกวดในครั้งนี้ เพราะไม่เพียงแค่การแข่งขันของเยาวชนคนรุ่นใหม่ เหล่า เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ บนเวทีเพื่อหาผู้ชนะและมอบรางวัล หากแต่กิจกรรมนี้ได้นำพาภาครัฐ ภาคเอกชนรายใหญ่ รวมถึงนักลงทุนมาอยู่ในคอมมูนิตี้เดียวกัน นั่นหมายความว่า การเชื่อมต่อพันธมิตรหรือคู่ค้าจะเกิดขึ้น บางไอเดียที่แม้จะไม่ใช่ผู้ชนะ แต่เข้าตานักลงทุน ก็อาจได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือแหล่งเงินทุน ให้กลายเป็นภาพจริงได้เช่นเดียวกัน

 

“นวัตกรรมนั้นมีความจำเป็น แต่ไม่ได้จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเท่านั้น นวัตกรรมนั้นหมายถึงสิ่งใหม่ๆ จากความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดมาเพื่อแก้ปัญหาให้ผู้คน ซึ่งอาจะเป็นได้ทั้งกระบวนการใหม่ๆ รูปแบบการทำการเกษตรใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การออกแบบใหม่ๆ รูปแบบการขายใหม่ๆ หรือโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่ยังมีโอกาสอีกมาก ให้เยาวชน เกษตรกร หรือคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่คุณค่าของอาหารให้ได้ใช้ความสามารถ และความคิดที่สร้างสรรค์ แตกต่าง สดใหม่ นอกกรอบ มาร่วมกันสร้างนวัตกรรมด้านอาหารได้จากสิ่งใกล้ตัว แปลงเป็น FUTURE FOOD หรือ Food for All ความอิ่มอร่อยได้ประโยชน์เพื่อทุกคน เรา Food Factors และพันธมิตร ก็พร้อมช่วยต่อยอดด้วย Resources ของเรา เพื่อความยั่งยืนไปด้วยกัน ทุกฝ่าย ทุกคน” พร เน้นย้ำถึงการผลักดันและการสนับสนุนที่จะเกิดขึ้นภายหลังการประกวด

 

สอดคล้องกับแดนแห่ง NRF ที่ให้คำมั่นไปในทิศทางเดียวกันถึงการร่วมสนับสนุนไอเดียของเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ จากกิจกรรมนี้

 

“ด้านการต่อยอดเกิดขึ้นได้แน่นอนครับ เพราะตอนนี้ NRF เองก็มีร้านอาหาร มินิมาร์ท ที่สนับสนุนเอสเอ็มอีด้าน FUTURE FOOD อยู่แล้ว ถ้าผลงานเข้าตาก็อาจจะได้มาขายในร้าน รวมถึงเป็นเมนูในร้านอาหารของเราด้วย และถ้าน่าสนใจมากจริงๆ ทางเราก็อาจจะอยากเข้าไปร่วมหุ้น และผลักดันไปจนถึงการส่งออก หรือเราอาจจะเป็นพันธมิตรในการผลิตอาหารให้เลยก็ได้ ไม่เพียงแค่ NRF นะครับ ผมว่ามันจะกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนต่างชาติ ให้ย้อนกลับมาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เป็นการสร้างความมั่นใจอีกทางหนึ่งในรัฐตัดสินใจหันมาสนับสนุนคนตัวเล็กๆ จากแวดวง FUTURE FOOD ด้วยครับ”

 

ไม่บ่อยนักที่จะมีคอมมูนิตี้ดีๆ สำหรับแวดวง FUTURE FOOD เกิดขึ้น โดยจะเป็นการรวมตัวของทั้งภาครัฐ เอกชน นายทุน เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ และภาคประชาชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อพื้นที่แห่งนี้เปิดประตู การคว้า ‘โอกาส’ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรปล่อยผ่าน

 

“โอกาสในอนาคตมาจากการเปลี่ยนแปลง (Change) ของทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค สังคมเศรษฐกิจ หรือสิ่งแวดล้อม มีทั้งการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างแน่นอนที่เราเห็นได้จากแนวโน้มต่างๆ (Trend, Mega Trend) และการเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอน เห็นเป็นสัญญาณ (Signal) หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน (Wildcard) ซึ่งเหล่านี้สามารถพอคาดการณ์ได้ผ่านกระบวนการ Foresight มาเป็นหลาย Scenario เมื่อเราเห็นภาพถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ Mindset ของผู้บริหาร ที่ต้องยอมรับถึงความเปลี่ยนแปลง มี Vision และ Direction ให้ทีมงานเห็นภาพที่ชัดเจนร่วมกัน รวมถึงวิธีการ กลยุทธ์ต่างๆ การเตรียมทรัพยากรเพื่อเดินไปให้ถึง Vision นั้น ไม่เช่นนั้นโอกาสของอนาคตก็จะหลุดลอยไป” พรย้ำชัดถึงการให้ทุกคนคว้าโอกาสครั้งสำคัญนี้ไว้ เพื่อการทำธุรกิจ FUTURE FOOD ในอนาคต

 

พร ดารีพัฒน์ Executive Vice President แห่ง Food Factors

 

“สำหรับประเทศไทยแล้ว ภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมอาหาร คือตัวชี้วัด GDP ที่สำคัญของประเทศ ความท้าทายคือเราจะทำอย่างไรที่จะเพิ่มคุณค่าเชิงเศรษฐกิจให้เรื่องนี้ได้ ผมเชื่อว่าเราสามารถทำได้ เพราะเรามีทรัพยากรค่อนข้างเยอะที่จะหยิบจับนำมาใช้ มันเป็นโอกาสของประเทศไทยในอนาคตครับ” ธันยเชษฐ์กล่าวทิ้งท้ายถึงกิจกรรมการประกวด FUTURE FOOD for SUSTAINABILITY อย่างมีนัยสำคัญ