การล่มสลายของ FTX อดีตเว็บเทรดคริปโตเคอร์เรนซีอันดับ 2 ของโลกมูลค่า 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ได้ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาด และถือเป็นเหตุการณ์ที่แย่ที่สุดในอุตสาหกรรมคริปโตปีนี้ นับตั้งแต่การล่มสลายของ Terra เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้อาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมคริปโต ซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดในระยะยาวได้
1. กฎระเบียบการกำกับดูแลจะชัดเจนมากขึ้น
Sam Bankman-Fried อดีตซีอีโอ FTX ถูกจับกุมในบาฮามาสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาถูกตั้งข้อหาโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ในข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์ และฟอกเงิน เขายังใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ของลูกค้าเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวอีกด้วย การฉ้อโกงของแซม แบงก์แมน-ฟรายด์ ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญในวงการคริปโตที่จะต้องเรียนรู้ต่อไป
การประกาศล้มละลายของ FTX ทำให้นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันได้รับความเสียหายจำนวนมาก ย้อนกลับไปตั้งแต่การล่มสลายของระบบนิเวศ Terra และเหรียญ LUNA ไปจนถึงการยื่นล้มละลายของ Celsius และ Three Arrows นี่สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมคริปโตยังมีช่องว่างด้านกฎระเบียบมากมาย เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดข้อเรียกร้องต่อหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักรกำลังดำเนินการในประเด็นนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- แซม แบงก์แมน ฟรายด์ อดีตซีอีโอ FTX ถูกไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานกำกับในบาฮามาส
- FTX โดนแฮ็ก! หลังมีการไหลออกของเงินกว่า 1.8 หมื่นล้านบาทแบบไม่ทราบสาเหตุ ด้าน ‘หนึ่ง ปรมินทร์’ เตือน ออกห่างจากแอปพลิเคชัน FTX โดยทันที
- ขนหน้าแข้งไม่ร่วง! ‘Sequoia Capital’ เผยบันทึกมูลค่าการลงทุนทางบัญชีกว่า 7 พันล้านบาทใน FTX เป็น ‘0’ แล้ว
ทางด้าน Kevin de Patoul ซีอีโอของ Keyrock แสดงความเห็นในประเด็นนี้ว่า “เรากำลังพัฒนาไปสู่โลกที่มีทั้งการรวมศูนย์และการกระจายอำนาจ ซึ่งเมื่อมีการรวมศูนย์ เราจำเป็นต้องมีการกำกับดูแลที่เหมาะสม และเราไม่สามารถมีการรวมศูนย์แต่ขาดการกำกับดูแลเช่นกรณี FTX ได้
2. ตลาดจะเงียบเหงาไปอีกระยะหนึ่ง
ตลาดคริปโตเริ่มซื้อขายในสภาวะตลาดหมีมาตั้งแต่ต้นปี 2022 แต่ความเชื่อมั่นในตลาดแย่ลงมาเรื่อยๆ หลังจากเหตุการณ์ช็อกวงการอย่างการล่มสลายของ Terra ตามมาด้วยเว็บเทรด FTX
แม้แต่ Binance ซึ่งปัจจุบันเป็นเว็บเทรดคริปโตอันดับ 1 ของโลกจากปริมาณการซื้อขาย ก็ยังถูกตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใสในทุนสำรอง และบริษัทมีเงินทุนไหลออกหลายพันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ความไม่แน่นอนและความหวาดกลัวที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนย้ายเงินออกไปยังที่ที่พวกเขาคิดว่าปลอดภัย เห็นได้จากปริมาณการซื้อขายและยอดเงินคงเหลือในบัญชีคริปโตที่ลดลง
ผู้เชี่ยวชาญมองว่าตลาดจะซื้อขายอย่างเงียบเหงาต่อไป จนกว่าจะมีมาตรการกำกับดูแลที่ชัดเจนมากขึ้น และสุดท้ายเว็บเทรดและบริษัทที่มีความโปร่งใสจะสามารถอยู่รอดในฤดูหนาวคริปโตรอบนี้ได้
3. การเปลี่ยนผ่านไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆ
ข่าวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงการกวาดล้างบริษัทที่ไม่ดีออกจากอุตสาหกรรมเท่านั้น และสุดท้ายสินทรัพย์ดิจิทัลจะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้
อุตสาหกรรมคริปโตจะเปลี่ยนผ่านจากการเก็งกำไรไปเป็นนวัตกรรมที่มีการใช้งานมากขึ้น เช่น Web 3 ปัจจุบันเราอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และยังต้องมีการพัฒนาอีกมาก ตอนนี้เราสามารถเปรียบ Web 3 เหมือนกับอินเทอร์เน็ตในช่วงต้นยุค 90 รวมถึง Metaverse ที่อาจมีการเชื่อมต่อกับโลกเสมือนจริงได้มากขึ้น และ Non-Fungible Token (NFT) ที่อาจไม่ได้กระจุกแค่วงการเกมเท่านั้น
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง: