×

หวั่นอุตสาหกรรมไทยโตล้าหลัง 13 ปี! ส.อ.ท. จี้รัฐเร่ง Boost ทักษะแรงงาน จ่อโรดโชว์ญี่ปุ่น ดึงทุนไฮเทค

20.11.2025
  • LOADING...
หวั่นอุตสาหกรรมไทยโตล้าหลัง 13 ปี ส.อ.ท. จี้รัฐเร่ง Boost ทักษะแรงงาน จ่อโรดโชว์ ญี่ปุ่น ดึงทุนไฮเทค

ส.อ.ท.เผยเศรษฐกิจโลกชะลอ ฉุดความเชื่อมั่นอุตฯ ต่ำต่อเนื่อง 13 ปี ขณะที่รัฐบาลเร่งดันมาตรการพยุงกำลังซื้อ BOI ลุย FastPass – PPP – Fast Track ‘เอกนิติ’ นำทีมไทยโรดโชว์ญี่ปุ่น ดึงลงทุนอุตฯไฮเทค

 

เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในงาน สัมมนาวิชาการประจำปี FTI Outlook 2026 ภายใต้หัวข้อ ‘DECODING THAILAND’S INDUSTRY FOR THE UPCOMING FUTURE’ ว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ แรงกดดันจากสงครามการค้า และสงครามเทคโนโลยี ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังยืดเยื้อ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญที่ทุกประเทศ รวมถึงประเทศไทยต้องเผชิญ

 

โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า GDP โลก ปี 2568 จะขยายตัวที่ 3.2% และปี 2569 GDP โลกจะชะลอตัวลงเหลือขยายตัวเพียง 3.1% ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ที่ 3.7% สะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้

 

หวั่นอุตสาหกรรมไทยโตล้าหลัง 13 ปี ส.อ.ท. จี้รัฐเร่ง Boost ทักษะแรงงาน จ่อโรดโชว์ ญี่ปุ่น ดึงทุนไฮเทค 1

 

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างและปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ที่สะท้อนผ่านเครื่องชี้อย่างดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) ที่จัดทำโดย ส.อ.ท. ซึ่งจะเห็นว่าย้อนหลังไป 13 ปี ระดับความเชื่อมั่นยังไม่สามารถกลับมายืนเหนือค่ากลางที่ระดับ 100 ได้

 

สะท้อนถึงความกังวลของสมาชิก ส.อ.ท. กว่า 16,000 ราย ที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา โดยมีหลายปัจจัยที่กดดันเศรษฐกิจไทย ทั้งจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีความชัดเจน ปัญหาสินค้าราคาถูกทุ่มตลาด ค่าเงินบาทที่แข็งค่าและภาระต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าคู่แข่งในภูมิภาค ตลอดจนภาระหนี้ครัวเรือนที่ส่งผลต่อกำลังซื้อภายในประเทศ

 

เอกชนหวัง Quick Big Win ดัน GDP ปี 2569

 

ขณะที่ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประมาณการ GDP ไทยปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวในกรอบ 1.8 – 2.2% แม้การส่งออกอาจโตได้ประมาณ 9.5%-10.5% แต่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มี local content ต่ำมาก และทองคำซึ่งไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจจริง ประกอบกับการนำเข้าที่ขยายตัวสูงถึง 10.2% ทำให้ GDP ยังคงขยายตัวในกรอบที่จำกัด

 

อย่างไรก็ตาม กกร. คาดหวังว่านโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล จะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญของเศรษฐกิจไทยให้ GDP สามารถขยายตัวได้มากกว่ากรอบประมาณการในปีนี้ และช่วยสร้างแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในปี 2569

 

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มองว่า เศรษฐกิจไทยวันนี้กำลังเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญ เรามีข้อจำกัดมากกว่าทุกยุคที่ผ่านมา ทั้งสังคมสูงวัย แรงงานขาดแคลน ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และคอขวดเชิงโครงสร้างที่สะสมมานาน

 

ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดสะท้อนชัดเจนว่าไทยไม่สามารถพึ่งการเติบโตแบบเดิมได้อีกต่อไป เราจึงต้องลงมืออย่างเร่งด่วน ทั้งเพื่อประคองเศรษฐกิจระยะสั้น และเพื่อปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาวอย่างเป็นระบบ

 

ทั้งนี้ รัฐบาลตัดสินใจทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเฉพาะหน้าแต่ตรงจุด เพื่อพยุงกำลังซื้อและประคองเศรษฐกิจให้เดินต่อได้ หนึ่งในมาตรการที่สำคัญที่สุดคือ คนละครึ่งพลัส ซึ่งให้รัฐบาลร่วมจ่าย 50% เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายฐานราก ผลลัพธ์ในระยะสั้นนั้นชัดเจนมาก

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

ปัจจุบัน มีร้านค้าเข้าร่วมกว่า 913,000 ราย เกิดการใช้จ่ายแล้วกว่า 33,898 ล้านบาท เม็ดเงินไหลเวียนลงสู่เศรษฐกิจระดับพื้นที่ทั่วประเทศ

 

พร้อมกันนี้ ยังเร่งรัดการเบิกจ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะงบลงทุน ซึ่งสามารถเร่งเบิกจ่ายได้ถึง 12.7% สูงกว่าเป้าหมาย 8% อย่างมีนัยสำคัญ

 

นั่นหมายความว่า รัฐได้ผลักเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่จำเป็นที่สุดอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้เวลาที่จำกัด ด้วยหลักการว่า

 

“รัฐบาลมีเวลาเพียง 4 เดือน ซึ่งตอนนี้เหลือ 2 เดือน จึงเป็นข้อจำกัดให้ไม่สามารถทำทุกอย่างได้ หากมัวแต่คิดหาโมเดลใหม่คงไม่ทัน เลยต้อง Action เพื่อส่งสัญญาณให้เห็น”

 

หัวใจต่อจากนี้คือ ‘การลงทุน’ เพราะการเติบโตระยะยาวต้องเริ่มต้นจากการปลดล็อกศักยภาพการผลิต จึงผลักดัน BOI FastPass และ PPP Fast Track เพื่อแก้คอขวดที่ทำให้นักลงทุนติดค้างกว่า 4.7 แสนล้านบาท

 

‘เอกนิติ’ จ่อ นำทัพบีโอไอ โรดโชว์ญี่ปุ่น ดึงอุตฯ ไฮเทค

 

รายงานข่าวนะบุว่า เอกนิติ เตรียมนำคณะบีโอไอ เยือนประเทศญี่ปุ่น 27-29 พ.ย. นี้ จัดงานสัมมนาใหญ่ ‘Thailand – Japan Investment Forum’ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนญี่ปุ่น พร้อมหารือแผนขยายการลงทุนในไทยในอุตสาหกรรมยานยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ

 

นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า คณะบีโอไอจะเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ นับเป็นการเดินทางโรดโชว์ส่งเสริมการลงทุนกับประเทศผู้ลงทุนรายใหญ่เป็นประเทศแรกหลังเอกนิติเข้ารับตำแหน่ง

 

โดยบีโอไอร่วมกับธนาคาร SMBC และพันธมิตรภาคธุรกิจญี่ปุ่นจัดสัมมนาใหญ่ ‘Thailand-Japan Investment Forum 2025’ ณ Tokyo Kaikan กรุงโตเกียว เพื่อนำเสนอทิศทางนโยบายของรัฐบาลและมาตรการต่างๆ เพื่อส่งเสริมศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาคในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

 

ภาพ: Cravetiger/Getty Images

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising