×

คลังหั่นคาดการณ์ GDP ปีนี้โตเหลือ 2.3% พิษโควิด-19 รอบ 3 มองเศรษฐกิจโลกเติบโตดีขึ้น

29.04.2021
  • LOADING...
คลังหั่นคาดการณ์ GDP ปีนี้โตเหลือ 2.3% พิษโควิด-19 รอบ 3 มองเศรษฐกิจโลกเติบโตดีขึ้น

กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2564 เติบโตน้อยลงเหลือ 2.3% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.8% สาเหตุหลักมาจากการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ที่เกิดขึ้นในไทยและโลก ซึ่งคาดกว่าจะกระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจไทยหลายด้าน

 

ทั้งนี้ปี 2564 ยังปรับลดคาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยเหลือ 2 ล้านคนจากก่อนหน้าที่คาดว่าจะอยู่ราว 5 ล้านคน และคาดว่ารายได้นักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ 170,000 ล้านบาท ลดลง 49% จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่อยู่ 260,000 ล้านบาท

 

ขณะที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวยังปรับลดลงต่อเนื่อง ได้แก่

  • การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะอยู่ที่ 2.3% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่อยู่ 2.5%
  • การบริโภคภาครัฐคาดว่าจะโต 5% ลดลงจากก่อนหน้าที่คาดว่าจะอยู่ราว 6.1%
  • การลงทุนภาครัฐคาดว่าจะโต 10.1% จากก่อนหน้าที่คาดไว้ 12.1%
  • ภาพรวมดุลการค้าคาดว่าจะโต 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากก่อนหน้าที่คาดว่าจะอยู่ราว 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจะอยู่ที่ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 12,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ด้านตัวเลขเศรษฐกิจที่มีการปรับคาดการณ์ดีขึ้น ได้แก่ 

  • การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาสู่ระดับ 4.8% จากเดิมที่คาดการณ์ว่า 3.4% 
  • มูลค่าการส่งออกคาดว่าจะโต 6.5% จากก่อนหน้าที่คาดไว้ราว 3.1%
  • มูลค่าการนำเข้าคาดว่าจะโต 10.5% จากก่อนหน้าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2.1%

 

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น เพราะ สศค. คาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากมาตรการทางการคลังและการเงินที่ประเทศต่างๆ ดำเนินการ เพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ 

 

ส่วนตัวเลขการนำเข้าที่ดีขึ้นก็มาจากการนำเข้าเพื่อผลิตและส่งออกที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า 15 ประเทศ GDP ปี 2564 จะโต 6.0% ดีขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ 5.2% 

 

ขณะที่ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปปี 2564 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.4% โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.9 ถึง 1.9) โดยระดับ 1.4% ถือว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากคาดการณ์ก่อนหน้าที่อยู่ราว 1.3% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานยังมองทรงตัวที่ 0.4% 

 

อย่างไรก็ตาม ปี 2564 นี้ สศค. มองปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่  

  1. การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในหลายประเทศที่ยังรุนแรงและยืดเยื้อ 
  2. ข้อจำกัดในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 
  3. ราคาน้ำมันดิบที่อาจปรับเพิ่มขึ้น หากปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในหลายประเทศรุนแรงขึ้น รวมทั้งการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านพลังงาน 
  4. ความผันผวนของระบบการเงินโลกและเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ 

 

ทั้งนี้ในช่วงที่เหลือของปีภาครัฐ ยังมีการดำเนินมาตรการทางการคลังอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายวงเงินส่วนที่เหลือใน พ.ร.ก. เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทในปีก่อน ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภค ประคับประคองภาคธุรกิจ และรักษาระดับการจ้างงานให้สูงขึ้น โดยฐานะการคลังที่มั่นคงและมีเสถียรภาพ จึงมีความพร้อมในการดำเนินมาตรการทางการคลังเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

 


 

ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP 

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising