พื้นที่ทางตอนเหนือและตอนกลางของโปรตุเกสกำลังเผชิญกับไฟป่าครั้งรุนแรงเนื่องจากคลื่นความร้อนและภัยแล้ง โดยวานนี้ (10 กรกฎาคม) ทางการได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 3,000 นาย และเครื่องบินอีกกว่า 60 ลำเข้าช่วยในภารกิจดับไฟป่า ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนแผดเผา ขณะมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยรวม 29 ราย
นับตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเมื่อวันศุกร์และเสาร์ (8 และ 9 กรกฎาคม) โปรตุเกสมีรายงานเหตุไฟไหม้เกือบ 250 ครั้ง ส่งผลให้รัฐบาลประกาศภาวะเฝ้าระวังสถานการณ์ (State of Contingency) ตั้งแต่วันที่ 11-15 กรกฎาคม ซึ่งถึงแม้จะเป็นระดับการรับมือที่ต่ำกว่าการประกาศภัยพิบัติหรือการประกาศภาวะฉุกเฉิน แต่ทางการได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยอยู่ในโหมดเฝ้าระวังขั้นสูง เพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้ทุกเวลา ขณะที่ อันโตนิโอ กอสตา นายกรัฐมนตรีโปรตุเกส ประกาศยกเลิกแผนเดินทางเยือนโมซัมบิก เพื่ออยู่บริหารจัดการสถานการณ์ไฟป่าในประเทศ
โปรตุเกสได้ออกมาตรการห้ามไม่ให้ประชาชนเข้าไปในพื้นที่ป่าที่มีความเสี่ยงสูง และห้ามไม่ให้ใช้เครื่องจักรกลการเกษตรบางประเภทที่อาจก่อให้เกิดประกายไฟ รวมถึงห้ามจุดดอกไม้ไฟด้วย พร้อมกันนี้ ผู้นำโปรตุเกสยังวอนขอให้ประชาชนงดจุดไฟทุกชนิดนอกบ้าน เพื่อป้องกันเหตุเพลิงไหม้ที่อาจเกิดขึ้นได้
ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรป (EU) ได้อนุมัติให้เคลื่อนพลกองบินทางอากาศเพื่อช่วยปฏิบัติภารกิจดับเพลิง โดยเป็นโครงการที่อนุญาตให้ประเทศสมาชิกสามารถแบ่งปันทรัพยากรไปช่วยเหลือเหตุเพลิงไหม้ได้ โดยสเปนที่เพิ่งประสบกับไฟป่าไปเมื่อไม่นานมานี้ ก็เร่งส่งเครื่องบินดับเพลิง 2 ลำมาช่วยเหลือโปรตุเกส
อนึ่ง โปรตุเกสเป็นประเทศที่ต้องทนทุกข์จากสถานการณ์ไฟป่ามาอย่างยาวนาน ยกตัวอย่างเช่นเหตุการณ์ในปี 2017 เกิดไฟป่าครั้งรุนแรงที่ลุกลามเกินกว่าเจ้าหน้าที่จะควบคุมได้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน โดยนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ไฟป่าที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นผลมาจากภาวะโลกรวน ซึ่งทำให้ทวีปยุโรปเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายประการ เช่น ภัยแล้ง คลื่นความร้อน และไฟป่า โดยมีแนวโน้มว่าสถานการณ์เหล่านี้จะเกิดถี่ขึ้น อยู่นานขึ้น และทวีความรุนแรงขึ้นอีกในอนาคต
ส่วนในปีนี้ โปรตุเกสยังคงได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สภาพภูมิอากาศสุดขั้ว (Extreme Weather) ซึ่งเป็นผลพวงจากภาวะโลกรวน โดยในเดือนมิถุนายนสถานการณ์ภัยแล้งได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่คิดเป็นสัดส่วนราว 28% ของประเทศ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ เพราะในเดือนพฤษภาคมสัดส่วนภัยแล้งยังอยู่ที่เพียง 1% ของประเทศเท่านั้น
แฟ้มภาพ: Patricia de Melo Moreira / AFP
อ้างอิง:
