สถานการณ์ไฟป่าในแคนาดายังคงน่ากังวล หลังจากสภาพอากาศที่แห้งและร้อนจัดของฤดูร้อนเอื้อให้ไฟป่าปะทุขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ส่งผลให้กลุ่มควันขนาดใหญ่ลอยขึ้นปกคลุมเหนือท้องฟ้าแคนาดาและลอยข้ามพรมแดนประเทศเข้าไปยังพื้นที่ของสหรัฐอเมริกาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยพื้นที่แถบรัฐแอลเบอร์ตาที่มีพรมแดนทางตอนใต้ติดกับพื้นที่ทางภาคเหนือของสหรัฐฯ ยังคงมีไฟป่าปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ทางการท้องถิ่นได้ประกาศสภาวะฉุกเฉินเนื่องจากไฟป่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมกับประกาศให้ดัชนีคุณภาพอากาศของพื้นที่แถบนี้อยู่ในเกณฑ์ความเสี่ยงสูงที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์
ทางการคาดว่าขณะนี้แคนาดากำลังเผชิญหน้ากับฤดูไฟป่าที่มีแนวโน้มจะเผาทำลายพื้นที่ของแคนาดามากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยล่าสุดพื้นที่กว่า 4.8 ล้านเฮกตาร์ (ราว 30 ล้านไร่) ได้รับความเสียหายจากไฟป่าในครั้งนี้แล้ว
เมื่อวานนี้ (12 มิถุนายน) ศูนย์เฝ้าระวังไฟป่าแคนาดารายงานว่าได้ตรวจพบไฟป่ามากถึง 449 จุดกำลังลุกไหม้อยู่ในขณะนี้ ซึ่งในจำนวนนี้มากถึง 219 จุดยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ขณะที่อีกหลายพื้นที่ก็เผชิญกับความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่าจากฟ้าที่ผ่าลงมาอย่างหนักในเขตที่มีฝนฟ้าคะนอง นับเป็นความท้าทายของการจัดการและบรรเทาสาธารณภัยของทางการแคนาดาไม่น้อย
ล่าสุดทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเกือบ 5,000 คนไปประจำการในพื้นที่แถบที่เผชิญกับวิกฤตไฟป่ารุนแรง ไม่ว่าจะเป็นรัฐแอลเบอร์ตา รัฐโนวาสโกเชีย รวมถึงรัฐควิเบก เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุไฟป่าที่อาจจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นอีก โดยวิกฤตไฟป่าในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมค้าไม้ของแคนาดาเป็นอย่างมาก เมื่อโรงงานไม้ระงับการผลิตชั่วคราว ส่งผลให้ราคาไม้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ขณะที่ภาคธุรกิจก่อสร้างก็ชะลอตัวลง เนื่องจากราคาสินค้าและวัสดุที่มีราคาแพงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ภาพ: B.C. Wildfire Service / Handout via Reuters
อ้างอิง: