เงินบาทสวิงแรง! ช่วงก่อน-หลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคดีถอดถอน เศรษฐา ทวีสิน จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะที่วันนี้ (14 สิงหาคม) ต่างชาติเทขายบอนด์ไทย 9,637 ล้านบาทภายในวันเดียว ไหลออกหนักสุดในรอบเกือบ 2 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2567 ที่ขายสุทธิออกไป 9,828 ล้านบาท
สงวน จุงสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH โดยมองว่าการขายบอนด์ไทยสุทธิของนักลงทุนต่างชาติวันนี้มาจากการเก็งกำไรส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย หรือ Hot Money เป็นหลัก ขณะที่ปัจจัยด้านการเมืองอาจไม่มีผลเลยด้วยซ้ำ
“วันนี้บอนด์ส่วนใหญ่ที่ถูกต่างชาติขายเป็นบอนด์อายุสั้นราว 10,000 ล้านบาท สะท้อนว่าเป็นการเก็งกำไรส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย หรือ Hot Money ขณะที่บอนด์อายุยาว ซึ่งเป็น Real Flow หรือ Real Money ยังคงเป็นซื้อสุทธิ (Net Buy) ด้วยซ้ำไปราว 1,400 ล้านบาทในวันนี้
“โดยการขายสุทธิของบอนด์ตัวสั้นเกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้นในจังหวะที่บาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว โดยสังเกตได้ว่าตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อสุทธิบอนด์ระยะสั้นเป็นหมื่นล้านบาท” สงวนกล่าว
บาทผันผวนหนัก เหตุคำตัดสินเซอร์ไพรส์ตลาด
สงวนกล่าวอีกว่า วันนี้เงินบาทผันผวนอย่างมาก โดยก่อนศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย เงินบาทยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าและตลาดหุ้นก็เขียวอยู่ แต่หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของเศรษฐาสิ้นสุดลง เงินบาทก็ดีดขึ้นไปจาก 34.85 บาทต่อดอลลาร์ สู่ระดับ 35.10 บาทต่อดอลลาร์อย่างรวดเร็ว พร้อมมองว่าเป็นภาวะแพนิก (Panic) ระยะสั้น เนื่องจากหลังจากดีดอ่อนค่าไปแล้ว บาทก็ค่อยๆ กลับมาแข็งค่า
ในช่วงสุญญากาศทางการเมือง ทิศทาง ‘บาท’ จะเป็นอย่างไร?
สำหรับแนวโน้มของเงินบาทในระยะข้างหน้า สงวนมองว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนการเมืองเป็นปัจจัยเชิงจิตวิทยามากกว่า
“ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อิทธิพลต่อบาทหลักๆ มาจากปัจจัยต่างประเทศ และเงินดอลลาร์ กล่าวคือช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) เร่งขึ้นดอกเบี้ย บาทก็อ่อนค่า เช่นเดียวกับสกุลเงินอื่นๆ
“อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ดอลลาร์เริ่มอ่อนค่า เงินบาทและสกุลเงินอื่นๆ ก็เริ่มฟื้นขึ้นมา และเริ่มเห็นกระแสเงินทุนกลับมาที่ตลาดบอนด์ด้วย” สงวนกล่าว
ทั้งนี้ ตามข้อมูลของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) แสดงให้เห็นว่า ในเดือนกรกฎาคม ต่างชาติซื้อสุทธิบอนด์ไทย 22,229 ล้านบาท และในเดือนสิงหาคม (MTD) ซื้อสุทธิไป 32,687 ล้านบาท
นายกฯ คนต่อไปต้องเร่งแถลงความชัดเจน ฟื้นความเชื่อมั่น
สงวนอธิบายอีกว่า ที่มองว่าการเมืองเป็นปัจจัยเชิงจิตวิทยา เนื่องมาจากกรอบการทำนโยบายเศรษฐกิจของไทยจะยังเดินหน้าต่อไป อย่างไรไทยก็ยังเป็นเสรีนิยม เราไม่ได้จะเปลี่ยนทิศทางการดำเนินนโยบาย เรายังเปิดเสรีรับการลงทุนต่างประเทศ ส่วนเหตุการณ์ทางการเมืองต่างๆ ที่ผ่านมาก็จะเกิด Shock ระยะสั้น ส่วนภาพรวมใหญ่ๆ ก็ยังคงเดิม
“ตลาดต้องการเห็นความเข้ารูปเข้ารอย อยากให้ผู้นำคนใหม่เร่งประกาศความชัดเจนของนโยบายว่านโยบายไหนยังอยู่ นโยบายไหนจะไม่อยู่ ดิจิทัลวอลเล็ตจะยังอยู่หรือไม่ จะมีการปรับเปลี่ยนหรือปรับลดอะไรหรือไม่” สงวนกล่าว