การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ (12ตุลาคม) อยู่ในโซนของการแข็งค่า ซึ่งสวนทางกับค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย ที่ส่วนใหญ่จะทรงตัวและค่อนไปในทางอ่อนค่า โดย ณ เวลา 17.45 น. เงินบาทไทย เคลื่อนไหวที่ระดับ 33.33 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากวันก่อนหน้าเกือบ 1%
พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า เงินบาทในวันนี้ถือว่าแข็งค่าค่อนข้างเร็ว สาเหตุจากแรงเก็งกำไรของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาเป็นผู้ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยกว่า 5 พันล้านบาท ส่วนตลาดพันธบัตร (บอนด์) นักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิราว 140 ล้านบาท
นอกจากนี้คำสั่งซื้อขายเงินบาทของผู้ส่งออกและผู้นำเข้าของไทยมีสเปรดที่ค่อนข้างกว้างด้วย จึงทำให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวหวือหวา โดยก่อนที่รัฐบาลจะประกาศเปิดประเทศในช่วงค่ำของวานนี้ (11ตุลาคม) ผู้ส่งออกรอขายดอลลาร์กันที่บริเวณ 34 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ผู้นำเข้าส่วนใหญ่รับซื้อกันที่บริเวณ 33.60 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งหลังจากที่รัฐบาลประกาศเปิดประเทศ ก็เริ่มมีแรงขายดอลลาร์รับซื้อเงินบาทเข้ามาหนาแน่นจนทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังจากนี้ค่าเงินบาทคงจะแกว่งตัวในกรอบแคบ และไม่น่าจะแข็งค่าไปมากกว่านี้นัก เพราะถ้าดูพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยถือว่ายังมีความเปราะบางอยู่พอสมควร แม้รัฐบาลจะทยอยเปิดประเทศในเดือนพฤศจิกายนนี้ก็ตาม
“อยากให้ระมัดระวังแรงเทขายทำกำไรออกมาบ้าง เพราะด้วยพื้นฐานเศรษฐกิจเราไม่ได้รองรับนัก ยิ่งการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่อยู่ฝั่งตะวันตกและต้องอาศัยระยะเวลาในการเดินทางที่ยาวนาน ทำให้เขาต้องวางแผนการท่องเที่ยวล่วงหน้า ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าจะมีเข้ามามากน้อยแค่ไหน”
สำหรับแนวโน้มเงินบาทช่วงที่เหลือของปีนี้ ประเมินว่าเงินบาทน่าจะมีแนวรับสำคัญอยู่ที่บริเวณ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่บริเวณ 33.80 บาทต่อดอลลาร์
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP