วันนี้ (17 ตุลาคม) ตัวแทนมูลนิธิอิมมานูเอล ได้พาผู้เสียหาย 6 คน ซึ่งมีเยาวชนรวมอยู่ด้วย เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.ท. รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อขอให้เร่งช่วยเหลือผู้เสียหายรวม 128 คน ที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง
ตัวแทนผู้เสียหายเปิดเผยพฤติการณ์ของขบวนการว่า ได้ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook และ TikTok โพสต์รับสมัครงานทั่วไปที่คนไทยคุ้นเคย อาทิ งานแม่บ้าน พ่อครัว หรือแอดมิน โดยเสนอค่าจ้างจูงใจระหว่าง 12,000-30,000 บาทต่อเดือน เมื่อมีผู้สนใจสมัคร ขบวนการจะเชิญเข้ากลุ่ม LINE หรือ Telegram และใช้สมาชิกปลอมโพสต์ภาพสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นนายหน้าจะติดต่อให้ผู้เสียหายเปิดบัญชีธนาคารหลายบัญชี โดยอ้างว่าเป็นบัญชีสำหรับรับเงินเดือน แต่แท้จริงแล้วบัญชีเหล่านี้ถูกนำไปใช้เป็นบัญชีม้า เพื่อฟอกเงิน
หลังเปิดบัญชีแล้ว ขบวนการจะอ้างว่าสำนักงานในกรุงเทพฯ เต็ม จึงให้ผู้เสียหายเดินทางไปฝึกงาน ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ก่อนจะพาข้ามแดนโดยช่องทางธรรมชาติไปยังประเทศกัมพูชา เมื่อถึงปลายทาง ผู้เสียหายจะถูกยึดบัตรประชาชนและโทรศัพท์มือถือ ถูกกักขัง และถูกบังคับให้ทำงานในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อหลอกลวงให้ประชาชนไทยรายอื่นโอนเงิน
ผู้ที่ไม่ยอมทำตามจะถูกข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย หรือทรมานทางจิตใจ ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ภายหลังกลับประเทศไทยแล้ว เหยื่อเหล่านี้ยังถูกดำเนินคดีในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีและฟอกเงิน ทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นผู้ถูกหลอกและตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้สั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวทันที พร้อมมอบหมายให้กองคดีการค้ามนุษย์ดำเนินการสืบสวนสอบสวนว่าการกระทำของขบวนการนี้เข้าข่ายคดีค้ามนุษย์และอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่ เพื่อจะดำเนินการรับเป็นคดีพิเศษ และขยายผลสืบสวนไปยังเครือข่ายที่อยู่เบื้องหลังต่อไป