×

ถอดโมเดลโครงการ ‘Food Innopolis Innovation Contest 2022’ เวทีปั้นนักวิทย์ให้กลายเป็นผู้ประกอบการ ผ่านการสร้างนวัตกรรมอาหารที่ใหม่ ใช่ โดน ขายได้! [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
03.10.2022
  • LOADING...
Food Innopolis Innovation Contest 2022

HIGHLIGHTS

  • ‘Food Innopolis Innovation Contest’ โครงการประกวดนวัตกรรมอาหาร ที่จัดโดย เมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย FI Accelerator ร่วมกับ บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด ในเครือบุญรอดบริวเวอรี่ 
  • ภายใต้โจทย์ ‘Street Food Innovation’ และ ‘Fermented Food Innovation’ ซึ่งหากมีการพัฒนานวัตกรรมอาหารจากสองโจทย์นี้จริง จะสร้างอิมแพ็กให้กับวงการอาหารของไทยอย่างมาก 
  • ว่ากันว่านี่คือเวทีการประกวดที่สร้างนักวิทย์ให้กลายเป็นผู้ประกอบการได้จริง

ในประเทศไทยน่าจะมีโครงการประกวดด้านนวัตกรรมอาหารไม่กี่เวที ที่สามารถสร้างนักวิทย์ให้กลายเป็นผู้ประกอบการได้จริง หนึ่งในนั้นคือ Food Innopolis Innovation Contest โครงการประกวดนวัตกรรมอาหาร ที่จัดโดยเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย FI Accelerator ร่วมกับ บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด ในเครือบุญรอดบริวเวอรี่ และร่วมสนับสนุนโดย ศูนย์การศึกษาด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปวิทยาการอาหารนานาชาติ (iGTC) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัท พลังผัก จำกัด

 

เงื่อนไขการเข้าประกวดตลอด 4 ปี ซึ่งปีนี้เป็นการประกวดปีที่ 5 ไม่หนีกันเท่าไร หลักๆ คือผลิตภัณฑ์ที่ส่งเข้าประกวดต้องไม่เคยปรากฏอยู่ในตลาด ต้องถ่ายทอดความใหม่ของวิธีการ ส่วนประกอบ และวิธีการนำเสนอ หากผ่านเข้ารอบคัดเลือกจะต้องสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (Prototype) ภายในระยะเวลาโครงการ 

 

ซึ่งโครงการ Food Innopolis Innovation Contest นี้ ได้รับการสนับสนุนและร่วมดำเนินงานอย่างต่อเนื่องจากบริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด ในเครือบุญรอด บริวเวอรี่ และบริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด 

 

ทุกปีจะเปิดให้ผู้ที่สนใจสมัครเข้าประกวดใน 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น ‘Flyweight’ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า รุ่น ‘Lightweight’ นิสิต-นักศึกษา ระดับปริญญาตรีทุกชั้นปี หรือเทียบเท่า และรุ่น ‘Heavyweight’ สำหรับบัณฑิตศึกษา อาจารย์ นักวิจัย และบุคคลทั่วไป โดยปีนี้มีโจทย์ให้เลือก 2 ธีม คือ ‘Street Food Innovation’ และ ‘Local Fermented Food Innovation’ 

 

หากอ่านรายละเอียดเพียงเท่านี้ คงคิดว่าไม่มีอะไรแตกต่างจากการประกวดค้นหานวัตกรรมอาหารทั่วๆ ไป แต่ตลอดระยะเวลาที่ได้คุยกับ ดร.เอกอนงค์ จางบัว ผู้อำนวยการฝ่าย เมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ ดร.ปรเมษฐ์ ชุ่มยิ้ม ที่ปรึกษาอาวุโส และผู้จัดการแพลต Food Innopolis Accelerator ในฐานะผู้จัดการโครงการนี้ มุมมองต่อการประกวดนวัตกรรมอาหารของเราก็เปลี่ยนไปทันที

เริ่มตั้งแต่วัตถุประสงค์โครงการ ดร.เอกอนงค์บอกว่าตั้งใจใช้โครงการนี้กระตุ้นให้กับคนสนใจเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ๆ โดยที่นวัตกรรมนั้นต้องสามารถต่อยอดออกสู่ตลาดได้จริง ไม่อยู่แต่ในห้องทดลอง โครงการนี้จึงมีการอบรมให้ความรู้ตั้งแต่กระบวนการคิดเชิงออกแบบหรือ Design Thinking การสร้างโมเดลธุรกิจ การให้คำปรึกษาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่ผ่านเข้ารอบทุกคนได้ต่อยอดกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ   

 

“โครงการนี้ไม่ใช่แค่โครงการประกวดแล้วจบ มันมีเส้นทางของการทำงาน ตัวโครงการใช้ระยะเวลา 6-8 เดือน มีเซ็กชันของการให้ความรู้ระหว่างทาง เพื่อให้เขากลับไปพัฒนาแนวคิดเชิงธุรกิจ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ส่งเข้าประกวด ทุกคนที่ผ่านเข้ามายังรอบสุดท้ายจะได้อยู่บนเส้นทางของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เราจะช่วยบ่มเพาะองค์ความรู้ ทั้งในแง่แนวคิดธุรกิจ การสร้างโมเดลธุรกิจ ร่วมไปถึงการทำผลิตภัณฑ์ ทำออกมาเป็นต้นแบบได้จริงๆ กินได้จริงๆ พร้อมที่จะขึ้น Demo Day” 

 

Food Innopolis Innovation Contest 2022


ดร.ปรเมษฐ์ ชุ่มยิ้ม ในฐานะผู้จัดการโครงการ กล่าวเสริมว่า “นี่เป็นเวทีที่เด็กจะตื่นตัวกันมาก เพราะเวทีที่ผ่านๆ มาเด็กสายวิทย์ก็จะประกวดผลงานที่เน้นการโชว์ผลงานวิทยาศาสตร์หนักๆ สิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนใจ แต่มันขายไม่ได้ แต่โครงการนี้ผู้เข้าประกวดจะต้องตื่นตัวและตระหนักเลยว่า ผลงานที่ทำออกมาจะต้องจับทั้งสองแกนคือ วิทยาศาสตร์ก็ต้องแม่น สินค้าผลิตออกมาแล้วต้องขายได้ จึงทำให้ผู้เข้าประกวดโครงการนี้ต้องผสมผสานระหว่างความเข้าใจเรื่องการพัฒนานวัตกรรมที่เอาวิทยาศาสตร์มาจับ กับทำอย่างไรให้ขายได้ จึงต้องเข้าใจเรื่องโมเดลธุรกิจ กลยุทธ์ ราคา เราจึงต้องการทีมที่ไม่ได้เป็นแค่นักวิทยาศาสตร์ที่ทำของได้ แต่คุณต้องทำของที่ใหม่ ใช่ โดน มีคนซื้อให้ได้” 

 

ดร.ปรเมษฐ์ยังบอกด้วยว่า เด็กสายวิทย์ที่เข้าโครงการจะได้เรียนเกี่ยวกับด้านธุรกิจเพิ่มเติม กลับกันเด็กสายธุรกิจก็ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เพราะคุณต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอาหาร ที่สำคัญยังเป็นเวทีที่ไม่จำกัดสาย ไม่ตีกรอบไอเดีย แม้ชื่อจะฟังดูเหมือนต้องใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เป็นสารตั้งต้น แต่ทุกคนเรียนรู้ได้  

 

“ความน่าสนใจคือ มันเป็นโครงการที่กระตุ้นให้เด็กมีระเบียบวินัยมากๆ เพราะเราต้องการสร้างคนที่เขาจะเติบโตไปเป็นผู้ประกอบการในอนาคต ดังนั้นเขาต้องคิดรอบด้านเป็น นี่คือเป้าหมายของโครงการ

 

“การที่เราผสมผสานทั้งในฝั่งที่ทำให้คนที่เรียนสายวิทย์ พูดภาษาที่คนทั่วไปฟังเข้าใจ ทำของได้ ก็ต้องขายของเป็นด้วย มองไปแล้วจริงๆ มันก็เหมือนกับโลกทุกวันนี้ คุณจะเก่งด้านเดียวไม่ได้ ซึ่งสำหรับผู้เข้าประกวดรุ่นมัธยมศึกษาจะได้ตรงนี้มาก ถ้าเป็นรุ่นปริญญาตรีก็จะได้ในมุมที่ว่าคุณเรียนมาเยอะแล้ว จะออกไปสู่ชีวิตจริงๆ โครงการนี้จะช่วยให้เขารู้ว่าน้ำลึกข้างหน้าจริงๆ เป็นอย่างไร ในขณะที่รุ่นใหญ่หลายๆ ทีมก็เป็นคนที่อยู่ในธุรกิจอยู่แล้ว แต่อาจจะยังไม่ค่อยคมนักในการปรับโมเดลทางธุรกิจ หรือปรับผลิตภัณฑ์ให้โดนใจตลาด โครงการนี้ก็จะมาช่วยเหลาเขาให้คมขึ้นจากสิ่งที่เราเติมให้ระหว่างทาง ทุกรุ่นจะต้องอยู่ในกระบวนการของการเรียนรู้ ทดลองทำ เรียนรู้ใหม่ และทดลองทำ แบบนี้กลับไปกลับมาเรื่อยๆ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เขาจะนำเสนอในวัน Demo Day ซึ่งเป็นวันตัดสินผู้ชนะการประกวดในโครงการนี้” ดร.เอกอนงค์

 

Food Innopolis Innovation Contest 2022

 

โจทย์การแข่งขันปีนี้ Street Food Innovation และ Local Fermented Food Innovation

เมื่อถามว่าในแต่ละปีมีการเลือกโจทย์อย่างไร ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ ทั้งสองท่านบอกว่า หลักๆ คือ เทรนด์การพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารโลกและเทรนด์นั้นต้องสร้างอิมแพ็กให้กับประเทศไทยด้วย

 

“ปีนี้มี 2 โจทย์คือ Local Fermented Food Innovation เพราะเราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอาหารหมักดอง ในเมืองไทยมีอาหารกลุ่มนี้เยอะมาก แต่ยังไม่ค่อยมีใครใส่นวัตกรรมเข้าไปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ของมันก็จะราคาถูก อีกอันคือเรื่องของ Street Food Innovation พอมีโควิดคนก็จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของอาหารที่เราเลือกซื้อมากขึ้น เช่น อาหารปรุงสุกพร้อมรับประทานจาก Street Food ถ้าเราสามารถทำให้ Street Food เป็นอีกเลเวลหนึ่งได้ หรือหยิบขึ้นมาตกแต่งให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ น่าจะช่วยให้คนมีอาชีพได้เยอะ” ดร.ปรเมษฐ์กล่าว

  

ดร.เอกอนงค์เสริมว่า “ทุกวันนี้เราพูดถึง Future Food กันเยอะ ซึ่งคืออาหารอนาคต และสิ่งที่กำหนดอนาคต คือปัจจุบัน หมายความว่าปัจจุบันเราอยู่กับสถานการณ์โควิดซึ่งทำให้เราคิดกันมาก ว่าเราควรกินอะไรและอาหารในอนาคตของเราจะเป็นแบบไหน อย่างอาหารหมักดองบ้านเรากินแบบนี้มานานแล้ว แต่ไม่มีใครยกมันขึ้นมาพูดกันมากนักในมุมอาหารสุขภาพ กระบวนการผลิตอาหารหมักดองทำให้เราได้กินจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ซึ่งตอบโจทย์เทรนด์อาหารเสริมภูมิต้านโรค ในยุคนี้อย่างมาก”

 

 

ส่ององค์ความรู้ใน Bootcamp

อีกหนึ่งกิมมิกที่น่าสนใจสำหรับโครงการนี้ นอกจากหมวดของเทคโนโลยีที่ต้องเรียนเหมือนกัน คือผู้สมัครทุกรุ่นต้องเติมสกิลด้านธุรกิจโดย ดร.ปรเมษฐ์ เป็นผู้สอนหลัก ร่วมกับวิทยากรที่มีประสบการณ์มาช่วยกันเติมความรู้ให้กับผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านเข้ารอบ และโครงการนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถลงทะเบียนมาร่วมฟังได้ จากนั้นประกวดในธีมไหน ก็จะได้ไปต่อยอดองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ โดยด้าน Fermented Food ก็จะลงลึกเรื่องของเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับอาหารหมักดอง ประวัติศาสตร์ที่มาของการหมักดอง ส่วนสาย Street Food มีการเชิญผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จมาช่วยชี้จุดอ่อน มองหาจุดแข็งของตลาดนี้ 

 

“อีกสิ่งที่เราเติมให้คือเรื่อง Creativity เราทำงานร่วมกับ CEA (Creative Economy Agency) ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์ใหม่ของเราในปีนี้ ที่มีเรื่องความคิดสร้างสรรค์และฐานข้อมูล แนวคิดผลิตภัณฑ์ แล้วก็ iGTC (International Gastronomy Tourism Centre) ศูนย์การศึกษาด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปวิทยาการอาหารนานาชาติ มาช่วยเติมเต็มในเรื่องความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง” ดร.เอกอนงค์กล่าว

 

นอกจากนั้นยังมีการสอนการนำเสนอธุรกิจแบบมืออาชีพ การเตรียมพรีเซนเทชัน เมื่อเรียนแล้วต้องซ้อมกับ ดร.ปรเมษฐ์ ก่อนจะถึง Demo Day เขาบอกว่าเป็นการฝึกความอดทนจากการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคณะกรรมการ 

 

“ผมจะบอกทุกคนเสมอว่า ตอนนี้เรากำลังคอมเมนต์ในบทบาทของนักธุรกิจ ดังนั้นคุณต้องคิดว่าตัวเองใส่หมวกของผู้ประกอบการ เราไม่ได้คอมเมนต์ด้วยสกิลของการเป็นเด็กมัธยมศึกษาแล้วลงประกวดชิงรางวัล” พูดง่ายๆ ก็คือการสร้างให้ผู้เข้าประกวดมี Growth Mindset ต้อง ‘เปิด’ เพื่อ ‘รับ’


“บอกได้เลยว่าคณะกรรมการของเราให้คอมเมนต์กันเข้มข้นมาก มองย้อนกลับไป ทุกคอมเมนต์ของกรรมการ ถ้าผู้เข้าประกวดปรับอย่างที่เราแนะนำ จะช่วยให้เขาเติบโตได้ต่อจริงๆ” ดร.เอกอนงค์กล่าว  

 

Food Innopolis Innovation Contest 2022

 

ความน่าสนใจของผู้แข่งขันปีนี้

ดร.ปรเมษฐ์เล่าว่า ฝั่งผู้แข่งขันโจทย์อาหารหมักดองมีไอเดียน่าสนใจเยอะ เนื่องด้วยเมืองไทยมีเอกลักษณ์ของอาหารหมักดองในแต่ละท้องถิ่น เด็กที่ได้รับการคัดเลือกในแต่ละภาคจะหยิบจุดเด่น ของดีของแต่ละภาคมานำเสนอ 

 

“นั่นคือสิ่งที่เรามองหา เราอยากเห็นอีกเวอร์ชันของอาหารหมักดอง ในขณะที่สตรีทฟู้ดก็เช่นเดียวกัน เราอยากเห็น Creativity ที่มาพร้อมกับนวัตกรรม ถ้ามันร่วมกันได้มันจะสนุกมาก เราคัดเลือกผู้สมัครจากหลายร้อยทีมจนเหลือเพียง 40 ทีมใน 3 รุ่น และเปิดโอกาสให้ทุกทีมสามารถเปลี่ยนโจทย์ได้ระหว่างทาง 1 ครั้ง เพราะนี่มันเป็นธรรมชาติของการทำธุรกิจ ที่คุณสามารถปรับเปลี่ยนไอเดียได้ระหว่างที่ทำธุรกิจ” ดร.ปรเมษฐ์กล่าว  

 

ฝั่งผู้เข้าแข่งขันรุ่น Heavyweight (รุ่นบุคคลทั่วไป) ดร.ปรเมษฐ์จะใช้เลนส์อีกแบบในการมองเนื่องจากเป็นรุ่นใหญ่ จึงต้องมองในมิติที่ลึกลงไป นอกจากไอเดียสดใหม่ เราจะดูไปถึงความสามารถในการสเกลอัพ มองหาอะไรที่มากกว่าตลาดเมืองไทย 

 

“เราสร้างนักธุรกิจจากนักวิทยาศาสตร์ง่ายกว่า ถ้าเรามีนักวิทยาศาสตร์ที่เข้าใจธุรกิจ มันก็จะมีความสามารถในการเข้าใจโลกว่าตลาดต้องการอะไร ซึ่งคนกลุ่มนี้เข้าใจเทคโนโลยีอยู่แล้ว ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่ออกมามันก็เป็นสิ่งที่เกิดจาก Pain Point ของคน” 

 

ดร.เอกอนงค์ยังบอกต่อว่า ทุกปีจะมี Success Case ที่น่าสนใจมากมาย ถ้าคุณเคยได้ยินชื่อ ‘Trumpkin’ แบรนด์ Vegan Cheese ที่นำเมล็ดฟักทองมาทำเป็นชีส นี่คืออดีตผู้เข้าประกวดรุ่นปริญญาตรี หรือรุ่น Lightweight ที่คว้าชัยชนะและกลับมาประกวดอีกครั้งในรุ่นประชาชนทั่วไป หรือ Heavyweight ก่อนก้าวกระโดดไกลไปเข้าอีกโปรแกรมของ FI Accelerator คือ Deep Tech Acceleration by NSTDA 

 

“ในการทำงานของ FI Accelerator เราจะมีเส้นทางที่คอยซัพพอร์ตคนเหล่านี้ เรามีโปรแกรม Deep Tech Acceleration by NSTDA ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมอาหาร เพื่อสร้างธุรกิจ Deep Tech Start-up ซึ่ง ‘Trumpkin’ ก็มาสมัครร่วมในโครงการ และตอนนี้ทำ Prototype ทดลองผลิต และจดทะเบียนตั้งเป็นบริษัทเรียบร้อย เราก็ผลักดันช่วยให้พวกเขาไปขอทุน TED Fund ในการนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ ช่วยสนับสนุน ผลักดัน และเชื่อมโยงให้คุยกับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ” 

 

หรือแม้แต่ Meat Avatar Start-up ที่ทำนวัตกรรมเนื้อจากพืช ก่อนที่พวกเขาจะสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างที่เห็น และได้รับการลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ นี่คือเวทีที่ลับคมพวกเขาด้วยเช่นกัน 

 

“Meat Avatar คือตัวอย่างของผู้เข้าแข่งขันที่ไม่ต้องคว้ารางวัลชนะเลิศ แต่ก็สามารถสเกลอัพตัวเองให้เติบโตได้ ใครที่ผ่านเวทีนี้และไม่หยุดที่จะทำต่อ ส่วนมากก็ประสบความสำเร็จในทางของเขา” ดร.ปรเมษฐ์กล่าว  

 

อึกหนึ่งจุดเด่นของโครงการคือ เด็กรุ่นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจะได้สิทธิ์ TCAS เข้ามหาวิทยาลัยในคณะที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร อีกฟากคืออาจารย์มหาวิทยาลัยที่มาดูการประกวดก็จะมาจองเด็ก เพราะเขาต้องการให้เด็กกลุ่มนี้ไปเรียนสายในมหาวิทยาลัยของเขา และถ้าเด็กคนไหนต้องการศึกษาต่อในคณะที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอาหาร การได้สิทธิ์ TCAS คือเครื่องการันตีได้ว่าพวกเขาลอยลำแน่นอน  

 

“ทุกปีจะมีเด็กมหาวิทยาลัยที่ไปเตะตาบริษัทอาหารขนาดใหญ่ บางปีก็มา Recruit กันที่งาน เพราะเขามองหานักวิทยาศาสตร์ที่มีสกิลรอบด้าน เข้าใจตลาด และสร้างนวัตกรรมได้ ส่วนรุ่นใหญ่ ตัวผมเองทำงานกับ THAIFEX-Anuga Asia ซึ่งเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย เราก็จะมีพื้นที่ให้คนกลุ่มนี้ไปสร้างโอกาสให้กับตลาดต่างประเทศ” ดร.ปรเมษฐ์เล่าเสริม 

Food Innopolis Innovation Contest 2022

 

แพ้ชนะวัดกันที่ตรงไหน 

ทั้งสองท่านบอกว่า ดูหลายส่วนประกอบกัน ตั้งแต่ไอเดียที่น่าสนใจ ตรงกับธีมที่กำหนดหรือไม่ ผลิตออกมาได้จริงหรือเปล่า แน่นอนว่าต้องกินได้ ถ้าอร่อยด้วยก็ยิ่งดี ไปจนถึงการดูต้นทุนการผลิต แผนการตลาด คะแนนการพรีเซนต์ ทุกอย่างมีผลต่อการตัดสินด้วยกันทั้งสิ้น และใครจะเชื่อว่าเวทีนี้มี ‘คะแนนจิตพิสัย’ ที่อาจพลิกเกมจากผู้ใกล้แพ้ให้กลายเป็นผู้ชนะได้ 

 

“บางทีมเฉือนกันด้วยคะแนนนี้นะ คะแนนจิตพิสัยเราดูและให้คะแนนตลอด 6 เดือน เราจะได้เห็นว่าแต่ละทีมมี Performance ที่ดีหรือไม่ ส่งงานตรงเวลาไหม มี Growth Mindset หรือไม่ สามารถโค้ชได้หรือเปล่า ถ้าเรารู้สึกว่าสอนยาก ตามงานยาก ต่อให้เก่งคุณก็พ่ายได้

 

“เพราะการที่คุณจะเป็นผู้ประกอบการที่ดี คุณต้องเป็นคนรักษาสัญญา ตรงต่อเวลา และเปิดใจ” ดร.ปรเมษฐ์กล่าวทิ้งท้าย 

 

ผลงานของผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายทุกรุ่น ทั้ง 40 ทีม จะถูกนำมาจัดแสดงใน Demo Day วันที่ 7-9 ตุลาคมนี้ ที่ ICONSIAM ไปร่วมลุ้นและเอาใจช่วย หรือจะไปดูเพื่อหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ก็ได้เช่นกัน 

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X