×

จับตาทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย กองทุนชั้นนำลุ้นภาวะกระทิงในจีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน

28.11.2022
  • LOADING...

สำนักข่าว Bloomberg รายงานรวมรวมความเห็นของนักวิเคราะห์และนักกลยุทธ์การลงทุนจากสถาบันการเงินชั้นนำที่ออกมาแสดงความเห็นว่าในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงนี้เป็นจังหวะดีที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะตลาดหุ้นในแถบเอเชียเหนืออย่างจีนและเกาหลีใต้ โดยได้อานิสงส์จากการที่ประเทศจีนจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง ส่วนในเกาหลีใต้ก็คือแรงผลักดันจากอุตสาหกรรมการผลิตชิปของประเทศ

 

ทั้งนี้ นักยุทธศาสตร์ของ Goldman Sachs Group Inc. คาดว่านักลงทุนชั้นนำในเอเชียจะปรับกลยุทธ์ลงทุน โดยเปลี่ยนโฟกัสจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย ไปสู่ตลาดหุ้นจีนและเกาหลีในปีหน้า ขณะที่ Societe Generale SA พุ่งความสนใจไปที่ตลาดหุ้นไต้หวัน เนื่องจากมองว่าอุตสาหกรรมการผลิตชิปของไต้หวัน ทำให้หุ้นไต้หวันน่าดึงดูด สอดคล้องกับความเห็นของทาง Jefferies Financial Group Inc. ที่มองว่า เอเชียเหนือเป็นตลาดที่มีโอกาสลงทุนทำกำไร 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ทั้งนี้ ตลอดทั้งปี 2022 ที่ผ่านมา หุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกง เกาหลี และไต้หวัน ร่วงลงเกือบทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่พึ่งพาเศรษฐกิจของจีนอย่างหนัก ซึ่งเศรษฐกิจจีนในช่วงที่ผ่านมาตกอยู่ในสภาวะถูกกดดันจากนโยบาย Zero-COVID อย่างเข้มงวด และวิกฤตทรัพย์สินลงทุนต่างๆ ตรงข้ามกับความเคลื่อนไหวและอุปสงค์ที่เติบโตได้ดีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย ทำให้ตลาดหุ้นในอาเซียนและอินเดียปีนี้มีความคึกคักมากกว่า 

 

Alexander Redman หัวหน้านักกลยุทธ์หุ้นของ CLSA กล่าวว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มมีการซื้อขายที่เบาบางลงในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา และนักลงทุนเริ่มหมุนเวียนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดเอเชียเหนือ

 

ทั้งนี้ หุ้นสำคัญในตลาดฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้วประมาณ 20% นับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน แซงหน้าส่วนที่เหลือของเอเชียและประเทศอื่นๆ ทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากจีนเรียกร้องให้จำกัดการแพร่ระบาดของโควิดที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น และกระตุ้นนโยบายการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์

 

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า นักลงทุนต่างชาติเริ่มเทเงินเข้าซื้อหุ้นไต้หวัน 5.8 พันล้านดอลลาร์ในเดือนนี้ เป็นไปตามการไหลเข้าครั้งแรกในรอบ 6 เดือน และใหญ่ที่สุดในรอบ 15 ปี ด้านการซื้อหุ้นเกาหลีใต้สุทธิคาดว่าจะเกิน 2 พันล้านดอลลาร์เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน

 

Desh Peramunetilleke นักกลยุทธ์ของ Jefferies ระบุว่า ปัจจัยบวกจากการทยอยเปิดประเทศของจีน รวมกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง การผ่อนคลายนโยบาย Zero-COVID และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีสัญญาณผ่อนคลาย ทำให้เหล่าโบรกเกอร์ทั้งหลายให้น้ำหนักกับหุ้นฮ่ององ จีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน มากขึ้น ขณะที่หุ้นอาเซียน อินโดนีเซียและอินเดียให้น้ำหนักไว้ที่กลางๆ แทน 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising