อิตาลีอาจเป็นผู้ริเร่ิมการกินอาหารกลางแจ้งแบบเฟรสโกไดนิง ทว่า เมื่อพบปัญหาขยะล้นเมืองจากน้ำมือนักท่องเที่ยว และเริ่มส่งผลกระทบต่อผู้คนในเมืองฟลอเรนซ์ จนมีการตั้งค่าปรับสูงถึง 500 ยูโร หรือราวๆ เกือบ 20,000 บาท แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดปัญหาขยะล้นเมืองสักนิด
ล่าสุด ทางการจึงออกกฎหมายที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา โดยสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดรับประทานอาหารบนท้องถนนภายในเมือง โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเมืองฟลอเรนซ์นั้นเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องศิลปะ ทั้งยังมีรูปปั้นเดวิด บุรุษผู้รูปหล่อฝีมือศิลปินในตำนานอย่าง ไมเคิล แอนเจโล และโดยเฉลี่ยแล้วมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเมืองประวัติศาสตร์ศิลป์นี้ถึงราวๆ ปีละ 10.2 ล้านคน
ทั้งนี้ ทางการได้ระบุพื้นที่ห้ามรับประทานอาหาร ได้แก่ ถนน 4 สายด้วยกัน คือ Via de’ Neri, Piazzale degli Uffizi, Piazza del Grano และ Via della Ninna อันเป็นถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนแทบจะตลอดเวลา ซึ่งการสั่งแบนนี้ระบุเจาะจงเวลาที่ห้ามกินอาหารนอกสถานที่ นั่นคือระหว่างเวลา 13.00-15.00 น. และ 18.00-22.00 น.
นายดาริโอ นาร์เดลลา ผู้ว่าฯ เมืองฟลอเรนซ์ กล่าวว่า “บางครั้งปัญหาเกิดจากนักท่องเที่ยวที่ขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องประวัติศาสตร์ของเมือง” เขายังกล่าวอีกว่า “หากนักท่องเที่ยวสามารถปฏิบัติตนเสมือนว่าอยู่บ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง ผู้คนในเมืองก็พร้อมที่จะอ้าแขนต้อนรับอย่างอบอุ่น” เขาเสริมอีกว่า “คนที่รักเมืองฟลอเรนซ์เท่านั้นที่สมควรจะได้ความรักจากเมืองนี้กลับไปเช่นกัน”
มีผู้ไม่สนับสนุนการลงมติแบนครั้งนี้เช่นกัน โดยมองว่า แทนที่จะโทษนักท่องเที่ยว ผู้ว่าฯ เมืองควรจะโทษฝ่ายรักษากฎหมายของเมืองเสียมากกว่า ที่มีความหละหลวม ทั้งยังเปรียบอีกว่าเมืองอื่นๆ ก็มีขยะไม่แพ้กัน
ภาพ: Shutterstock
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: