เขื่อนโนวา คาคอฟคา (Nova Kakhovka) ในยูเครนได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังถูกกองทัพรัสเซียโจมตี เป็นเหตุให้น้ำไหลทะลักเข้าสู่พื้นที่ข้างเคียง เบื้องต้นเร่งอพยพผู้คนในพื้นที่ประสบภัยแล้ว ทางการคาดว่ามีประชาชนกว่า 40,000 คนจำเป็นที่จะต้องอพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าวโดยด่วน โดยราว 17,000 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่การควบคุมของกองกำลังยูเครน บริเวณทางตะวันตกของแม่น้ำดนีโปร และอีกราว 25,000 คน อาศัยอยู่ทางตะวันออกที่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของกองทัพรัสเซีย
ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครนเผยว่า จากการที่เขื่อนแห่งนี้ได้รับความเสียหายนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อชุมชนและเมืองต่างๆ มากกว่า 80 แห่งในละแวกพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งหลายพื้นที่อาจเผชิญปัญหาระดับน้ำท่วมสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 4-5 วันนับจากนี้
เบื้องต้น กองทัพรัสเซียให้การปฏิเสธว่าตนไม่ได้เป็นฝ่ายโจมตีจนเขื่อนโนวา คาคอฟคา ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งอ้างว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากการโจมตีของกองกำลังยูเครนเอง
หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่า เหตุเขื่อนแตกอาจส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และใช้น้ำจากเขื่อนในระบบระบายความร้อนของเตาปฏิกรณ์
ล่าสุด คณะทำงานจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ระบุว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม โรงไฟฟ้าดังกล่าวยังไม่มีสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับความปลอดภัยเกิดขึ้นแต่อย่างใด
ขณะที่บรรดาผู้นำโลกร่วมประณามเหตุการณ์นี้ บางคนชี้ว่าการโจมตีเขื่อนจนแตกในครั้งนี้ไม่ต่างจากการก่ออาชญากรรมสงคราม โดยนายกรัฐมนตรีริชี ซูนัคของสหราชอาณาจักรระบุว่า หากพบว่ารัสเซียมีส่วนต่อการพังทลายของเขื่อนจริง ก็จะสะท้อนให้เห็นถึงจุดต่ำสุดจุดใหม่ที่เกิดขึ้นจากการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านของรัสเซีย
ภาพ: Zelenskyy Social Media Account / Handout / Anadolu Agency via Getty Images
ภาพ: Zelenskyy Social Media Account / Handout / Anadolu Agency via Getty Images
ภาพ: Oleg Tuchynsky / AFP
ภาพ: Stringer / AFP
อ้างอิง: