สำนักข่าว Reuters รายงานถึงกรณีที่ไทยตัดสินใจเตรียมใช้วัคซีนโควิดของ AstraZeneca เป็นวัคซีนเข็มที่ 2 ให้กับผู้ที่รับวัคซีน Sinovac เข็มแรก เพื่อเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันต่อไวรัส โดยถือเป็นครั้งแรกที่จะมีการใช้วัคซีนผสมระหว่างวัคซีนของจีนกับ AstraZeneca หลังผลการศึกษาเบื้องต้นในไทยสร้างความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสระยะยาวของการฉีดวัคซีน Sinovac สองโดส
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ว่า การฉีดวัคซีนผสมระหว่าง Sinovac กับ AstraZeneca จะช่วยป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลตาได้ดีขึ้น และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันระดับสูงต่อโรคโควิด พร้อมกล่าวเสริมด้วยว่า การฉีดวัคซีน AstraZeneca เป็นเข็มที่ 2 จะเว้นระยะห่างจากวัคซีน Sinovac ที่ฉีดเป็นเข็มแรก 3-4 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ในรายงานข่าวของ Reuters ชี้ว่า ปัจจุบันยังไม่มีผลการศึกษาหรืองานวิจัยเกี่ยวกับการใช้วัคซีนผสมระหว่าง Sinovac กับ AstraZeneca ออกมาเลย แต่กระนั้นก็มีหลายประเทศที่กำลังพิจารณาใช้วัคซีนผสมระหว่างวัคซีนต่างชนิด หรือให้วัคซีนเข็มกระตุ้น หรือวัคซีนโดสที่ 3 (Booster) กับประชาชน ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น และอาจหลบเลี่ยงการคุ้มกันของวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันได้
การประกาศใช้วัคซีนผสมของไทยมีขึ้นหลังกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่ามีบุคลากรแพทย์ 618 คน จาก 677,348 คน ติดเชื้อโควิดระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม แม้รับวัคซีน 2 โดสของ Sinovac แล้ว ซึ่งในจำนวนนี้มีพยาบาลเสียชีวิต 1 คน
Reuters ยังรายงานด้วยว่า ไทยมีแผนจะฉีดวัคซีนโดสที่ 3 ชนิด mRNA เป็นเข็มกระตุ้นให้กับบุคลากรด่านหน้าที่ได้รับวัคซีน Sinovac ไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ผลการศึกษาเบื้องต้นที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาพบว่า ในบุคลากรแพทย์ 700 คนมีระดับการป้องกันของ Sinovac ที่วัดจากระดับแอนติบอดีอยู่ที่ระหว่าง 60-70% ในช่วง 60 วันแรกหลังรับวัคซีนโดสที่ 2 แต่อัตราป้องกันดังกล่าวลดลงครึ่งหนึ่งในทุกๆ 40 วัน
ส่วนเมื่อเดือนที่แล้ว หลิวเผยเฉิง โฆษกของ Sinovac เปิดเผยกับ Reuters ว่า ผลการศึกษาเบื้องต้นกับตัวอย่างเลือดของผู้ที่ฉีดวัคซีน Sinovac นั้นพบว่า อัตราป้องกันไวรัสลดลง 3 เท่าต่อไวรัสสายพันธุ์เดลตา พร้อมให้คำแนะนำเสริมว่า การฉีดวัคซีน Sinovac เข็มที่ 3 อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาแอนติบอดีที่คงทนมากขึ้น
ภาพ: Getty Images
อ้างอิง: