องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (FAA) ยืนยันเที่ยวบินที่จะขนส่งวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ของบริษัท Pfizer จากเบลเยียมมายังสหรัฐฯ จะมีขึ้นภายในวันศุกร์นี้ (4 ธันวาคม) นับเป็นการเริ่มต้นเที่ยวบินขนส่งวัคซีนทางอากาศจำนวนมากเที่ยวแรกของโลก
อย่างไรก็ตาม วัคซีนดังกล่าวยังไม่สามารถแจกจ่ายไปยังหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทันที เนื่องจากต้องรอให้ทางคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) อนุมัติรับรองก่อน ซึ่งคาดว่าวัคซีนของ Pfizer ตัวนี้จะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนธันวาคม
แม้ว่าจะยังไม่สามารถใช้การได้ แต่ทางการสหรัฐฯ ก็วางที่จัดส่งแจกจ่ายวัคซีนกระจายไปยังจุดต่างๆ เพื่อให้สามารถดำเนินการขนส่งไปยังพื้นที่เป้าหมายได้อย่างรวดเร็วในทันทีที่ได้การอนุมัติรับรองอย่างเป็นทางการ
ด้าน Operation Warp Speed โครงการริเริ่มเพื่อพัฒนาและแจกจ่ายวัคซีน ภายใต้การนำของทำเนียบขาวระบุว่า ทางการสหรัฐฯ วางแผนที่จะเริ่มจัดส่งวัคซีนชุดแรกภายใน 24 ชั่วโมงหลัง FDA ให้การรับรอง
ทั้งนี้ Pfizer ผู้ผลิตยาชั้นนำของสหรัฐฯ ได้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่โรงงาน 2 แห่ง คือในกาลามาซู รัฐมิชิแกน สหรัฐฯ และในเมือง Puurs ของเบลเยียม โดยวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด -19 ล็อตที่จัดส่งมายังสหรัฐฯ ล้วนผลิตในยุโรป
แถลงการณ์ของ Operation Warp Speed ระบุว่า ทางโครงการต่างเฝ้าติดตามกระบวนการ และการอำนวยความสะดวกในการจัดส่งวัคซีนจากเบลเยียมมายังสหัฐฯ ขณะเดียวกัน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดจากการขนส่งและการแจกจ่ายให้เหลือน้อยที่สุด ดังนั้นจึงไม่สามารถให้ข้อมูลรายละเอียดโดยเฉพาะเจาะจงได้ ซึ่งรวมถึงการผลิตและจัดเก็บรักษา
ด้านหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal รายงานว่า เที่ยวบินขนส่งดังกล่าวของสายการบิน United Airlines มีขึ้นเพื่อเป้าหมายเก็บสำรองวัคซีน เพื่อให้สามารถดำเนินการแจกจ่ายได้อย่างรวดเร็วหลังทาง FDA รับรอง
รายงานระบุว่า Pfizer มีจุดกระจายวัคซีนอยู่ที่ Pleasant Prairie รัฐวิสคอนซิน สหรัฐฯ พร้อมเตรียมจุดจัดเก็บวัคซีนให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทาง FAA ได้จัดตั้งทีม FAA COVID-19 Vaccine Air Transport โดยมีเป้าหมายหลักรับผิดชอบเส้นทางการจราจรทางอากาศ เพื่อใช้สำหรับการขนส่งวัคซีน
“FAA รับรองได้ว่า บริการขนส่งทางอากาศจะเกิดขึ้นตลอดวันตลอดคืนอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับเที่ยวบินที่ขนส่งสินค้า เช่น วัคซีน และบุคลากรที่มีบทบาทสำคัญต่อการตอบสนองและการฟื้นตัวของจากไวรัสโควิด-19” แถลงการณ์ FAA ระบุ
โดยมีรายงานว่า สาเหตุที่ทำให้ FAA ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องจัดการการขนส่งวัคซีน เนื่องจากความจำเป็นในการใช้น้ำแข็งแห้งซึ่งถือเป็นวัสดุอันตรายจำนวนมาก
น้ำแข็งแห้งถือเป็นวัสดุสำคัญสำหรับการขนส่งวัคซีน เนื่องจากวัคซีนชนิดดังกล่าวต้องเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิเย็นจัดอย่างน้อย -34 องศาเซลเซียส โดยทาง Pfizer ได้ออกแบบกระเป๋าเดินทางขนาดกะทัดรัดไว้สำหรับใส่ขนส่งวัคซีนโดยเฉพาะ และภายในจะบรรจุน้ำแข็งแห้งหนักเกือบ 10 กิโลกรัม เพื่อเก็บรักษาวัคซีนให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม
FAA ได้จำกัดปริมาณการขนส่งน้ำแข็งแห้งบนเครื่องบิน เพราะเมื่อน้ำแข็งแห้งระเหิด กลายสภาพเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก็จะส่งผลให้ลดปริมาณออกซิเจนในอากาศ เสี่ยงทำให้เกิดภาวะขาดอากาศหายใจในพื้นที่ปิดและไม่มีทางระบายอากาศที่ดีพอ
“FAA จะทำงานร่วมกับผู้ผลิต ผู้ให้บริการขนส่งทางอากาศ และเจ้าหน้าที่ทางการสนามบิน ในการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับที่จำเป็น เพื่อความปลอดภัยในการขนส่งน้ำแข็งแห้งจำนวนมหาศาลโดยเครื่องบิน” แถลงการณ์ของ FAA ยืนยันปิดท้าย
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: