- ยอดการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐฯ (ADP Nonfarm Employment Change) ขยายตัว 27,000 ตำแหน่ง ต่ำที่สุดในรอบ 111 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด 185,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการเลิกจ้างพนักงานในภาคการก่อสร้าง 36,000 ตำแหน่ง และเมื่อแบ่งประเภทตามขนาดธุรกิจพบว่า ธุรกิจที่มีพนักงาน 1-49 คน มีการเลิกจ้างพนักงานถึง 52,000 ตำแหน่ง ขณะที่กลุ่มธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่และธุรกิจบริการยังขยายตัวได้ดี สะท้อนธุรกิจขนาดเล็กเริ่มมีความเปราะบาง
- ดีล Fiat Chrysler และ Renault ควบกิจการล่ม หลัง Nissan Motors ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญของ Renault ไม่สนับสนุนการควบรวมธุรกิจดังกล่าว
- ภาคการบริการยุโรปยังแข็งแกร่ง หลังรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (Services PMI) ออกมาดีกว่าคาดที่ระดับ 52.9 จุด ขยายตัวต่อเนื่อง สวนทางดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมที่ประกาศในวันจันทร์ที่ผ่านมาที่ระดับ 47.7 จุด จากปัจจัยการบริโภคภายในที่แข็งแกร่ง และ ธุรกิจการเงินที่มีการจ้างงานมากขึ้น รวมถึงการเตรียมย้ายสำนักงานรับมือการแยกตัวของสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินของยุโรปในปัจจุบัน
- จับตาการพิจารณาค้าอาวุธระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านเหรียญ ซึ่งสร้างความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้น โดยจีนยังไม่ยอมรับในอำนาจอธิปไตยของไต้หวัน และมองว่าไต้หวันคือส่วนหนึ่งของประเทศจีน ไม่สมควรที่จะเจรจาการค้าอาวุธโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคู่กรณี
- จับตาการเมืองไทย และ Fund Flow ต่างชาติ หลังรัฐสภามีมติหนุน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2 ด้วยคะแนน 500 ต่อ 244 เสียง จัดตั้งรัฐบาลผสมมีคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งเพียงเล็กน้อย ทำให้อาจมีเสถียรภาพทางการเมืองที่ต่ำ
สภาวะตลาดวานนี้
- ราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงมากกว่า 4% หลังสหรัฐฯ ประกาศตัวเลขน้ำมันดิบคงคลัง 6.771 ล้านบาร์เรล สูงกว่าคาดที่ระดับ -0.849 ล้านบาร์เรล เป็นผลมาจากการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ที่ระดับ 12.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโกวานนี้ ไร้ข้อตกลงทั้งประเด็นการค้าและผู้อพยพ ส่งผลให้สหรัฐฯ เตรียมบังคับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกภายในวันที่ 10 มิถุนายน ที่อัตรา 5% หากยังไม่มีการแก้ปัญหาด้านผู้อพยพ สหรัฐฯจะทยอยปรับเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจนถึงอัตรา 25% ในวันที่ 1 ตุลาคม
- IMF ออกโรงเตือนสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ว่ามีผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกภายในปีหน้าถึง 4.55 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือชะลอตัวราว 0.5% แต่คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวในปีหน้าถึง 3.6% จาก 3.3% ในปีนี้ จากแนวโน้มการผ่อนคลายทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก
ยุโรป
- STOXX600 ปิดที่ 372.08 เพิ่มขึ้น 1.16 (+0.31%)
- DAX ปิดที่ 11,980.81 เพิ่มขึ้น 9.64 (+0.08%)
- FTSE MIB ปิดที่ 20,155.73 ลดลง 73.69 (-0.36%)
- FTSE100 ปิดที่ 7,220.22 เพิ่มขึ้น 5.93 (+0.08%)
เอเชีย
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6,358.50 เพิ่มขึ้น 26.10 (+0.41%)
- KOSPI ปิดที่ 2,069.11 เพิ่มขึ้น 2.14 (+0.10%)
- Shanghai ปิดที่ 2,861.42 ลดลง 0.86 (-0.03%)
- Hang Seng ปิดที่ 26,895.44 ลดลง 133.92 (+0.50%)
- BSE Sensex ปิดที่ 40,083.54 ลดลง 184.08 (-0.46%)
- Nikkei ปิดที่ 20,776.10 เพิ่มขึ้น 367.56 (+1.80%)
- SET ปิดที่ 1,648.46 เพิ่มขึ้น 10.77 (+0.66%)
อเมริกา
- DOW30 ปิดที่ 25,539.57 เพิ่มขึ้น 207.39 จุด (+0.82%)
- S&P500 ปิดที่ 2,826.15 เพิ่มขึ้น 22.88 จุด (+0.82%)
- NASDAQ ปิดที่ 7,545.48 เพิ่มขึ้น 48.36 (+0.64%)
Comodities
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. ร่วงลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 51.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 1.34 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 60.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 4.90 ดอลลาร์ หรือ 0.37% ปิดที่ 1,333.60 ดอลลาร์/ออนซ์
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: Infoquest, Bloomberg, Investing