- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติ 7 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ -0.10% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน และคงการชี้นำด้านนโยบาย (Forward Guidance) อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นให้อยู่ที่ระดับ -0.10% อัตราดอกเบี้ยระยะยาว (10 ปี) อยู่ที่ 0% พร้อมยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำเป็นพิเศษ (Ultra-Low) ต่อไปอย่างน้อยจนถึงฤดูใบไม้ผลิปี 2020 (ประมาณต้นไตรมาสที่ 2/2020) และปรับลดประมาณการอัตราเงินเฟ้อปีงบประมาณ 2019 (มีนาคม 2020) ลดลงเหลือ 1.0% จากเป้าหมายเดิม 1.1% แม้ BOJ จะยังเชื่อว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นน่าจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่องก็ตาม แต่ความเสี่ยงทางด้านการค้าต่างประเทศที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว ทาง BOJ ก็พร้อมที่จะเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง ‘ไม่ลังเล’ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ที่มองว่า BOJ จะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไป เพื่อรอดูท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และใช้มาตรการต่างๆ เมื่อมีความจำเป็น เช่น หากเศรษฐกิจชะลอตัวหลังการปรับขึ้นภาษีการขายในช่วงเดือนตุลาคม หรือ การแข็งค่าของเงินเยนหลังจาก Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันจีนอีกครั้ง โดยวานนี้เขาได้ทวีตข้อความ ว่า ทางการจีนควรเริ่มซื้อสินค้าเกษตร ไม่ใช่ประวิงเวลาต่อเพื่อรอผลการเลือกตั้งในปี 2020 ซึ่งหากโจ ไบเดน แห่งพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง จะส่งผลให้จีนอาจทำข้อตกลงที่เอารัดเอาเปรียบสหรัฐฯ เหมือนที่เคยทำมาในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา แต่ถ้าเขาชนะเลือกตั้งในปีหน้า จีนก็จะต้องเผชิญกับอุปสรรคในการทำข้อตกลงมากกว่าที่พวกเขากำลังเจรจาในขณะนี้ หรืออาจจะไม่สามารถทำข้อตกลงได้ ตอนนี้สหรัฐฯ มีไพ่อยู่ในมือแล้ว ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมี การทวีตดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลัง และโรเบิร์ต ไลต์ทิเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และทีมงาน เริ่มเจรจาการค้าใหม่อีกครั้งที่ประเทศจีน ขณะที่ผลการเจรจาวันแรกยังไม่คืบหน้า โดยทางการจีนยังคงรอดูท่าทีของสหรัฐฯ ว่าจะผ่อนคลายมาตรการต่อบริษัท Huawei หรือไม่ ขณะที่สหรัฐฯ ยังคงรอดูท่าทีการนำเข้าสินค้าเกษตรจากจีนอีกครั้ง
- Samsung อ่วม กำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 2/2019 หด 56% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยรายได้รวมอยู่ที่ 56.13 ล้านล้านวอน ลดลง 4% เทียบรายปี (YoY) ขณะที่รายได้จากธุรกิจ Semiconductor ลดลง 71% (YoY) เหลือเพียง 16.09 ล้านล้านวอนเท่านั้น สืบเนื่องจากความต้องการที่ลดลงในตลาดชิบ ส่งผลให้ราคาที่ตกต่ำ รวมถึงการปรับลดการสต๊อกสินค้าของลูกค้ากลุ่ม Data Center รายใหญ่ อย่างไรก็ตาม การลดลงของกำไรและยอดขายที่ประกาศออกมาในครั้งนี้ยังอยู่ในระดับที่ดีกว่าคาด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ Samsung ได้ประกาศลดคาดการณ์กำไรไว้ก่อนแล้ว ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลงเพียง 0.54% เท่านั้น
- พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศนำทีม ครม.เศรษฐกิจ เตรียมประชุมสัปดาห์หน้า สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติตั้ง ครม.เศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ส่วนการประชุม ครม.เศรษฐกิจ ต้องรอความชัดเจนจากนายกฯอีกครั้ง แต่คาดว่าน่าจะเริ่มได้ในวันจันทร์ที่ 5 สิงหาคมนี้ โดยเรื่องเร่งด่วนที่จะนำหารือต้องรอดูอีกครั้ง เพราะทั้งเรื่องภัยแล้ง ระดับน้ำ การเกษตร การส่งออก ก็ถือเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจทั้งหมด
- จีนเริ่มเข้าซื้อธุรกิจยางในไทย โดยกระทรวงอุตสาหกรรมกำลังจับตามองการเคลื่อนไหวในแวดวงอุตสาหกรรมยางพารา เนื่องจากล่าสุด มีผู้ประกอบการรายใหญ่จากจีนหลายรายเข้ามาซื้อธุรกิจผลิตยางพารารายใหญ่ของไทยหลายโรงงาน เช่น โรงงานไทยฮั้วยางพารา จำกัด และบริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงงานที่อยู่กลางน้ำ คืออุตสาหกรรมแปรรูปขั้นต้นของยางพารา เช่น การผลิตยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน น้ำยางข้น กลุ่มนี้มีโรงงานผู้กุมตลาดยางพาราทั้งหมด 5 ราย ซื้อไปแล้ว 2 ราย อีกหลายรายอยู่ระหว่างเจรจา ส่วนผลกระทบที่ต้องจับตา ในด้านบวก การส่งออกยางไปตลาดจีนมีโอกาสขยายตัวมากขึ้น และผลกระทบด้านลบ มีโอกาสที่จีนอาจรวมตัวกดดันราคายางได้
สภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ -1.72% ด้วยแรงกดดันจากตลาดหุ้นผู้นำกลุ่มอย่างเยอรมนี โดยดัชนี DAX ปิดลบ -2.18% และตลาดหุ้นอิตาลี ปิดลบที่ -1.99% หลังจากบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาในทิศทางที่น่าเป็นห่วง อาทิ Bayer Global บริษัทเฮลท์แคร์และไบโอเทค ราคาหุ้นปรับลบถึง -4% หลังธุรกิจด้านไบโอเทคได้รับผลกระทบจากภาคการเกษตรสหรัฐฯ ที่เผชิญปัญหาน้ำท่วม การกีดกันทางการค้า และคดีฟ้องร้องกว่า 5,000 คดี ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ส่วนหุ้นสายการบินของเยอรมนีปรับลงมากกว่า -5.7% หลังรายงานกำไรไตรมาส 2 หดตัวลงมากถึง 70% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากผลพวงการแข่งขันด้านราคาในกลุ่มอุตสาหกรรม
- ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียและสหรัฐฯ ปรับตัวในทิศทางผสมผสาน นักลงทุนจับตาผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ คืนวันพุธ แต่ขณะเดียวกันความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน กลับมาเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นอีกครั้ง หลังทรัมป์ออกมากล่าวหาว่า จีนพยายามประวิงเวลาทำตามสัญญาที่จะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เพราะอาจรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี หากโจ ไบเดนชนะ จีนก็สามารถกลับไปทำข้อตกลงเดิมๆ อีกครั้ง
ยุโรป
- Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3462.85 ลดลง -60.73 (-1.72%)
- DAX ปิดที่ 12147.24 ลดลง -270.23 (-2.18%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7646.77 ลดลง -39.84 (-0.52%)
- FTSE MIB ปิดที่ 21278.24 ลดลง -431.06 (-1.99%)
เอเชีย
- Nikkei 225 ปิดที่ 21709.31 เพิ่มขึ้น 92.51 (0.43%)
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6845.1 เพิ่มขึ้น 19.3 (0.28%)
- Shanghai ปิดที่ 2952.34 เพิ่มขึ้น 11.33 (0.39%)
- Hang Seng ปิดที่ 28146.5 เพิ่มขึ้น 40.09 (0.14%)
- SET ปิดที่ 1706.49 ลดลง -11.48 (-0.67%)
- KOSPI ปิดที่ 2038.68 เพิ่มขึ้น 9.2 (0.45%)
- BSE Sensex ปิดที่ 37397.24 ลดลง -289.13 (-0.77%)
อเมริกา
- Dow 30 ปิดที่ 27198.02 ลดลง -23.33 (-0.09%)
- S&P 500 ปิดที่ 3013.18 ลดลง -7.79 (-0.26%)
- Nasdaq ปิดที่ 8273.61 ลดลง -19.71 (-0.24%)
Commodities
- ราคาน้ำมัน Crude Oil WTI ปิดที่ 57.85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.98 (1.72%)
- ราคาน้ำมัน Brent Oil ปิดที่ 64.55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.93 (1.46%)
- ราคาทองคำ Gold ปิดที่ 1430.65 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.25 (0.72%)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- InfoQuest
- Bloomberg
- Investing