- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้มีกำหนดการประกาศตัวเลขสำคัญจากสหรัฐฯ เป็นหลัก ประกอบไปด้วย 1. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 1.0 ล้านราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1.106 ล้านราย สะท้อนภาวะการจ้างงานทั่วสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัว 2. GDP สหรัฐฯ ประจำไตรมาสที่ 2/2020 (ครั้งที่ 2) ซึ่งคาดว่าจะหดตัว 32.5%(QoQ) ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ -5.0% (QoQ) และถูกปรับแก้ไขยอดให้หดตัวน้อยลงจากการประกาศครั้งแรกที่ -32.9% (QoQ) จากการตรวจสอบตัวเลขทางสถิติให้ถูกต้องแม่นยำอีกครั้ง 3. แถลงการณ์ของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งแม้จะไม่มีผลต่อนโยบายการเงินอย่างเป็นทางการ แต่นักลงทุนยังคงจับตาถ้อยแถลงเพื่อประเมินแนวโน้มความเป็นไปได้ของนโยบายการเงินในอนาคตต่อไป
- วานนี้รัฐบาลเยอรมนีประกาศขยายมาตรการช่วยเหลือด้านการจ้างงาน เพื่อให้บริษัทเอกชนต่างๆ ลดการปลดคนงานในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อไปอีก 12 เดือน รวมวงเงินกว่า 10,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 0.3% ของ GDP เยอรมนี โดยเป็นการต่ออายุจากกำหนดการเดิมที่จะสิ้นสุดลงที่ปลายปี 2020 นี้ไปจนกระทั่งสิ้นสุดในปลายปี 2021 นอกจากนี้ทางการยังระบุว่าเตรียมจะดำเนินการใช้เงินจากกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU Recovery Fund) 500 ล้านยูโร เพื่อส่งเสริมด้านการศึกษา ผ่านทางการจัดหาคอมพิวเตอร์ให้แก่กลุ่มครู อาจารย์ และพัฒนาสื่อการเรียนการสอนออนไลน์
- Moderna บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐฯ แถลงถึงผลการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ว่า การทดลองในเฟสที่ 1 กับกลุ่มอาสาสมัครอายุ 56-70 ปี และ 71 ปีขึ้นไป เป็นที่น่าพอใจ เช่นเดียวกับการทดลองในอาสาสมัครวัยหนุ่มสาว ทั้งนี้ พบว่าร่างกายของผู้สูงอายุที่เข้าร่วมทดสอบนั้นสามารถผลิตแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ (Neutralizing Antibody) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าแอนติบอดีดังกล่าวมีความสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส อีกทั้งยังไม่มีผลข้างเคียงอย่างรุนแรงกับอาสาสมัครด้วย
- ความสัมพันพ์สหรัฐฯ และจีนตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่สหรัฐฯ ได้ส่งเครื่องบินสอดแนมเข้าไปยังในเขตห้ามบินในแถบทะเลจีนใต้ ซึ่งต่อมาทางการจีนยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง 2 ลูก ไปลงยังพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้เช่นเดียวกัน ส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดว่าเป็นการส่งสัญญาณตอบโต้ท่าทีของสหรัฐฯ ทั้งในกรณีของวานนี้และกรณีที่สหรัฐฯ มักส่งกองเรือรบแล่นอยู่ในน่านน้ำสากลใกล้เคียงกับเขตกรณีพิพาทเป็นประจำ ส่วนในด้านการค้า กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ประกาศเพิ่มรายชื่อบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำจำนวน 24 บริษัทด้วย ซึ่งล้วนแต่เป็นบริษัทของประเทศจีนทั้งสิ้น ภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงทางเทคโนโลยี และการละเมิดสิทธิมนุษยชนอุยกูร์ในซินเจียงด้วย ส่งผลให้ 24 บริษัทนี้ไม่สามารถทำธุรกิจกับบริษัทสหรัฐฯ ได้อีกต่อไป
- The Guardian ของอังกฤษรายงานว่า ทางการเยอรมนีในฐานะตัวแทนของสหภาพยุโรป (EU) ได้ยกเลิกแผนการหารือกับสหราชอาณาจักรในประเด็นการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) สัปดาห์หน้าแล้ว อีกทั้งยังระบุว่า EU เชื่อว่ารัฐบาลอังกฤษพร้อมที่จะรับความเสี่ยงของการแยกตัวแบบไร้ข้อตกลงด้วย หลังจากที่ระยะเวลาเปลี่ยนผ่านกำลังจะครบกำหนดในช่วงปลายปี 2020 นี้ โดยที่การเจรจาดังกล่าวยังคืบหน้าไปได้น้อยมากจากความเห็นที่แตกต่าง แม้จะมีการเจรจากันอย่างเป็นทางการถึง 7 ครั้งในช่วงที่ผ่านมาแล้วก็ตาม
ภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น โดยดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ทำ New High อย่างต่อเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่ง โดยตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนไม่รวมรายการด้านการขนส่งออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้และเติบโตขึ้นจากเดือนที่แล้ว บ่งชี้ถึงแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงแรงเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ หุ้น Salesforce หลังถูกจัดเข้าดัชนี Dow Jones ในสิ้นเดือนนี้ สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยขานรับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งในเยอรมนีและฝรั่งเศสที่ขยายเวลา เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่สิ้นสุด
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงและผลักดันให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกยังมีความเปราะบางอยู่ เพราะยังคงพึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ช่วยพยุงอยู่ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 28331.92 เพิ่มขึ้น 83.48 (0.3%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3478.73 เพิ่มขึ้น 35.11 (1.02%)
- Nasdaq อยู่ที่ 11665.06 เพิ่มขึ้น 198.59 (1.73%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 13190.15 เพิ่มขึ้น 128.53 (0.98%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 6045.6 เพิ่มขึ้น 8.59 (0.14%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3356.76 เพิ่มขึ้น 27.05 (0.81%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 20137.29 เพิ่มขึ้น 107.24 (0.54%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 23290.86 ลดลง -5.91 (-0.03%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 6116.4 ลดลง -45 (-0.73%)
- Shanghai อยู่ที่ 3329.74 ลดลง -43.84 (-1.3%)
- SZSE Component อยู่ที่ 13428.4 ลดลง -241.01 (-1.76%)
- China A50 อยู่ที่ 15431.12 ลดลง -119.78 (-0.77%)
- Hang Seng อยู่ที่ 25491.79 เพิ่มขึ้น 5.57 (0.02%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 12833.29 เพิ่มขึ้น 75.04 (0.59%)
- SET อยู่ที่ 1322.55 เพิ่มขึ้น 6.56 (0.5%)
- KOSPI อยู่ที่ 2369.32 เพิ่มขึ้น 2.59 (0.11%)
- IDX Composite อยู่ที่ 5340.33 เพิ่มขึ้น 1.44 (0.03%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 39073.92 เพิ่มขึ้น 230.04 (0.59%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 5931.33 ลดลง -22.11 (-0.37%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 43.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.02 (0.046%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 46.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.43 (0.94%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1953.64 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 23.94 (1.24%)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters