- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นดัชนีชี้นำเศรษฐกิจทางด้านการบริโภค โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 93.0 จุด ขยายตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 92.6 จุด สะท้อนความเชื่อมั่นที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังมีกำหนดประกาศยอดขายบ้านมือหนึ่งประจำเดือนกรกฎาคม ซึ่งคาดว่าจะประกาศออกมาที่ 785,000 หลัง ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่ 776,000 หลัง จากภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ และอุปสงค์ที่ฟื้นตัว ขณะที่เยอรมนีมีกำหนดประกาศ GDP ประจำไตรมาสที่ 2/2563 ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ -10.1% (QoQ) หดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 และหดตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าที่ -2.2% (QoQ) จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก
- เมื่อวานนี้บริษัท ByteDance เจ้าของ TikTok ได้ยื่นเรื่องฟ้องรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ต่อศาลยุติธรรมสหรัฐฯ ในแคลิฟอร์เนีย เพื่อระงับการมีผลบังคับใช้ของ Executive Order ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ห้ามใช้บริการ TikTok และสั่งให้ ByteDance เร่งถอนทุนจากกิจการในสหรัฐฯ ภายใน 90 วัน เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ภายใต้ความกังวลด้านความมั่นคง ByteDance ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นการละเมิดต่อสิทธิของผู้บริโภคในสหรัฐฯ อย่างรุนแรง และไม่มีหลักฐานตามที่ทรัมป์ได้อ้างถึงแต่อย่างใด ทำให้แรงจูงใจที่แท้จริงยังคงน่าสงสัย
- เมื่อวานนี้สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) หน่วยงานภายใต้กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกประจำเดือนกรกฎาคม มีมูลค่ารวม 18,819 ดอลลาร์สหรัฐ ติดลบ 11.37%(YoY) ขณะที่การนำเข้าอยู่ที่ 15,476.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 26.38%(YoY) แต่ยังเกินดุลกว่า 3,343.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) การส่งออกคิดเป็นมูลค่า 133,162.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 7.72%(YoY) การนำเข้า 119,118.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบ 14.69%(YoY) เกินดุล 14,044.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ทิศทางการส่งออกสินค้าหลายชนิดเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น อาทิ สินค้าอาหารอย่างผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำมันปาล์ม ทูน่ากระป๋อง ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง สินค้าเครื่องใช้ภายในบ้าน เช่น เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เตาอบไมโครเวฟ ส่งผลให้ สนค. ประเมินว่าการส่งออกปี 2563 นั้นมีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะทำให้การส่งออกทั้งปี 2563 นั้น ติดลบ 8%(YoY) เท่านั้น
- สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ โรเบิร์ต ไลต์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ระบุว่า หลังจากที่ได้หารือกับ หลิวเฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน ทางโทรศัพท์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พบว่ามีความคืบหน้า ซึ่งทางการจีนมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการทำธุรกิจ ด้วยการปกป้องสินทรัพย์ทางปัญญามากขึ้น พร้อมทั้งระบุว่าจะมีการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้มการเจรจาการค้าเฟสต่อๆ ไปมีโอกาสเกิดมากขึ้น
- เช้าวันนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงถึงกรณีที่สหรัฐฯ อนุมัติให้ใช้พลาสมาที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกัน (Convalescent Plasma) ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ว่า การรักษาโดยวิธีการดังกล่าวนั้นยังมีประสิทธิภาพในระดับที่ต่ำ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงด้านผลข้างเคียง ซึ่งทำให้มีไข้และอาจบาดเจ็บที่ปอดอย่างรุนแรง หรือมีปัญหาด้านการไหลเวียนของเลือด ควรใช้ในการทดลองเท่านั้นเพื่อประเมินผลต่อไป แทนที่จะใช้รักษาในวงกว้าง
ภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น โดยดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ทำนิวไฮ จากความคืบหน้าในการรักษาโควิด-19 หลังสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือ FDA ได้อนุมัติการใช้พลาสมาจากผู้ป่วยที่ฟื้นตัวในการรักษากลุ่มผู้ติดโควิด-19 ซึ่งอาจเป็นแรงหนุนให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน จากความคืบหน้าในการรักษาโควิด-19 ส่งผลให้มีแรงเข้าซื้อหุ้นกลุ่มน้ำมันและกลุ่มสายการบิน
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากความคืบหน้าในการรักษาโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่ออุปสงค์น้ำมันทั่วโลก ด้านสัญญาทองคำปรับตัวลงหลังตลาดหุ้นกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังมีข่าวความคืบหน้าในการรักษาโควิด-19 ทำให้นักลงทุนเทขายทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากปัจจัยดังกล่าว
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 28308.46 เพิ่มขึ้น 378.13 (1.35%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3431.28 เพิ่มขึ้น 34.12 (1%)
- Nasdaq อยู่ที่ 11379.72 เพิ่มขึ้น 67.92 (0.6%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 13066.54 เพิ่มขึ้น 301.74 (2.36%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 6104.73 เพิ่มขึ้น 102.84 (1.71%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3331.74 เพิ่มขึ้น 71.99 (2.21%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 20113.36 เพิ่มขึ้น 417.93 (2.12%)
เอเชีย
- NIKKEI 225 อยู่ที่ 22985.51 เพิ่มขึ้น 65.21 (0.28%)
- S&P ASX 200 อยู่ที่ 6129.6 เพิ่มขึ้น 18.4 (0.3%)
- Shanghai อยู่ที่ 3385.64 เพิ่มขึ้น 4.96 (0.15%)
- SZSE Component อยู่ที่ 13666.69 เพิ่มขึ้น 188.69 (1.4%)
- China A50 อยู่ที่ 15458.29 เพิ่มขึ้น 74.63 (0.49%)
- Hang Seng อยู่ที่ 25551.58 เพิ่มขึ้น 437.74 (1.74%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 12647.13 เพิ่มขึ้น 39.29 (0.31%)
- SET อยู่ที่ 1317.11 เพิ่มขึ้น 17.85 (1.37%)
- KOSPI อยู่ที่ 2329.83 เพิ่มขึ้น 25.24 (1.1%)
- IDX Composite อยู่ที่ 5277.04 เพิ่มขึ้น 4.23 (0.08%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 38799.08 เพิ่มขึ้น 364.36 (0.95%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 5943.58 ลดลง -61.82 (-1.03%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 42.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.16 (0.38%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 45.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.2 (2.71%)
- ราคาทองคำอยู่ที่ 1,929.92 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง -9.48 (-0.49%)
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters