- ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญสัปดาห์นี้ 1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ยังคงถูกคาดการณ์ว่าแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 134.0 จุด ลดลงจากครั้งก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 135.1 จุด แต่ยังคงเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 19 ปี สะท้อนความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการบริโภคที่สูง 2. ยอดการสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ (Core Durable Goods Order) ซึ่งเป็นการสั่งซื้อสินค้าเพื่อการผลิต สะท้อนกิจกรรมการผลิตที่ขยายหรือหดตัวในช่วงนั้นๆ โดยในครั้งนี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.2% (MoM) เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนหน้าที่ -0.4% (MoM) 3. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (เบื้องต้น) เยอรมนี ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 44.0 จุด อยู่ในแดนหดตัวต่อเนื่อง จากแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับครั้งก่อนหน้าที่ 43.5 จุด
- JP Morgan วาณิชธนกิจรายใหญ่ของโลก ประเมินว่า ยุโรปจะยังใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบต่อไปอีก 8 ปี เนื่องจากความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะถดถอยสูงขึ้น แม้ธนาคารหลายประเทศได้ผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น ซึ่งนโยบายการเงินสามารถสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในรอบนี้ แต่ไม่น่าจะสามารถป้องกันการถดถอยของเศรษฐกิจได้ ดังนั้น การฟื้นตัวรอบต่อไปต้องเปลี่ยนจากนโยบายการเงินเป็นนโยบายการคลัง
- AIIB เดินหน้าลงทุน 1,090 ล้านดอลลาร์ จินลี่ฉวิน ประธานธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) เปิดเผยว่า AIIB เตรียมลงทุนในโครงการ 6 โครงการ มูลค่า 1.09 พันล้านดอลลาร์ ในกลุ่มประเทศของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อส่งเสริมการเชื่อมต่อระหว่างประเทศ
- ยุโรป รัสเซีย จีน เดินหน้าหาทางทำข้อตกลงการค้ากับอิหร่าน โดยหลังจากที่ความตึงเครียดระหว่างอิหร่าน สหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบียเพิ่มสูงขึ้นจากกรณีการโจมตีคลังและโรงงานการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้มีการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรทางการค้าของสหรัฐฯ ต่ออิหร่าน รวมไปถึงการคว่ำบาตรต่อธนาคารและธนาคารกลางอิหร่านด้วยนั้น ล่าสุด ทางยุโรป รัสเซีย และจีน สร้างกลไกการค้าใหม่ที่เรียกว่า Special Purpose Vehicle (SPV) โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางการเคลียริงเงินตราระหว่างกลุ่มกับอิหร่าน เพื่อให้สามารถทำการค้ากับอิหร่านได้โดยไม่ผิดข้อตกลงกับทางการสหรัฐฯ ที่ครอบคลุมธนาคารและธนาคารกลางข้างต้น แต่ยังไม่ได้ระบุรายละเอียดถึงกลไกการทำงาน และเงื่อนไขต่างๆ อย่างไรก็ตามทางนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า หากทั้ง 3 ภูมิภาค เดินหน้าทำการค้าผ่านทาง SPV ทางการสหรัฐฯ ก็อาจมีมาตรการคว่ำบาตรต่อบริษัทที่ใช้บริการ SPV อยู่ดี
- UBS ยังคิดบวก เชื่อเจรจาสงครามการค้าครั้งนี้อาจมีทางออก หลังจากวันศุกร์ที่ผ่านมา การเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ส่อเค้าวุ่นวายอีกครั้ง เมื่อคณะเจรจาของจีนยกเลิกแผนการเดินทางเข้าพบตัวแทนเกษตรกรสหรัฐฯ ส่งผลให้การเจรจาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในสัปดาห์นี้มีความไม่แน่นอนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม UBS ระบุว่า สงครามการค้านั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานกว่า 1 ปี มีความผันผวนเกิดขึ้นตลอดเวลาจากทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่มีมาอย่างยาวนาน ดังนั้น UBS จึงให้ความสนใจกับการพัฒนาความสัมพันธ์ในระยะยาวมากกว่าที่จะเป็นเหตุการณ์ระยะสั้น เมื่อประกอบกับความจริงที่ว่า การค้าที่ราบรื่นนั้นเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย ส่งผลให้ทั้ง 2 ฝ่าย ยังมีโอกาสที่จะมีข้อตกลงทางการค้า เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ภาวะตลาดวันศุกร์ที่ผ่านมา
- ตลาดหุ้นอินเดียได้รับปัจจัยบวก หลังรัฐบาลประกาศลดภาษีนิติบุคคลสำหรับบริษัทภายในประเทศ โดยอัตราภาษีใหม่คือ 25.2% จากเดิม 30% ตลาดหุ้นอินเดียตอบรับในเชิงบวกทันที ทะยานขึ้น (BSE Sensex +5.32%) ตามมูลค่าภาษีที่ลดลง ประกอบกับเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีสัญญาณที่ดีในการทำข้อตกลงการค้ากันระหว่างอินเดียและสหรัฐฯ จากการออกมาย้ำความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่างทั้งสองประเทศ โดยการประชุมข้อตกลงการค้านั้น จะพูดคุยกันช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ นับว่าเป็นข่าวดีต่อตลาดหุ้นอินเดีย ที่มีปัจจัยบวกออกมาอย่างต่อเนื่อง ยังต้องจับตาว่า สถานการณ์ปัจจุบันจะสามารถสร้างแรงจูงใจให้กับนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาอีกได้หรือไหม หลังจากขายมาตลอด 2-3 เดือน ที่ผ่านมา
- ด้านตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงผันผวนในกรอบแคบ หลังจากที่เผชิญแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น กดดันแนวโน้มเศรษฐกิจโลก แนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะไม่ลงต่ำกว่านี้จากคำพูดของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และความไม่แน่นอนทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่สร้างความสับสนต่อตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ดัชนี Dow Jones ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (20 กันยายน) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนในสัปดาห์นี้มีทีท่าว่าจะล้มเหลว หลังจากที่เจ้าหน้าที่จีนเดินทางกลับประเทศก่อนกำหนด
- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (20 กันยายน) เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะที่หุ้นโนโว นอร์ดิสค์ ของเดนมาร์กพุ่งขึ้น หลังสหรัฐฯ อนุมัติยารับประทานของบริษัท เพื่อใช้ในการรักษาเบาหวาน
สหรัฐฯ
- Dow 30 ปิดที่ 26935.07 ลดลง -159.72 (-0.59%)
- S&P 500 ปิดที่ 2992.03 ลดลง -14.76 (-0.49%)
- Nasdaq ปิดที่ 8117.67 ลดลง -65.2 (-0.8%)
ยุโรป
- DAX ปิดที่ 12468.01 เพิ่มขึ้น 10.31 (0.08%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7344.92 ลดลง -11.5 (-0.16%)
- Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3571.39 เพิ่มขึ้น 18.74 (0.53%)
- FTSE MIB ปิดที่ 22123.25 ลดลง -4.99 (-0.02%)
เอเชีย
- Nikkei 225 ปิดที่ 22079.09 เพิ่มขึ้น 34.64 (0.16%)
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6730.8 เพิ่มขึ้น 13.3 (0.2%)
- Shanghai ปิดที่ 3006.45 เพิ่มขึ้น 7.17 (0.24%)
- SZSE Component ปิดที่ 9881.25 เพิ่มขึ้น 29.05 (0.29%)
- China A50 ปิดที่ 13850.17 เพิ่มขึ้น 43.52 (0.32%)
- Hang Seng ปิดที่ 26435.67 ลดลง -33.28 (-0.13%)
- Taiwan Weighted ปิดที่ 10929.69 เพิ่มขึ้น 34.99 (0.32%)
- SET ปิดที่ 1636.2 ลดลง -4.46 (-0.27%)
- KOSPI ปิดที่ 2091.52 เพิ่มขึ้น 11.17 (0.54%)
- IDX Composite ปิดที่ 6231.47 ลดลง -13 (-0.21%)
- BSE Sensex ปิดที่ 38014.62 เพิ่มขึ้น 1921.15 (5.32%)
- PSEi Composite ปิดที่ 7871.11 ลดลง -40.21 (-0.51%)
Commodity
- ราคาน้ำมัน Crude Oil WTI ปิดที่ 58.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.22 (0.38%)
- ราคาน้ำมัน Brent Oil ปิดที่ 64.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.23 (0.36%)
- ราคาทองคำ Gold ปิดที่ 1524.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 17.85 (1.19%)
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing