- สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนกันยายน 2562 โดยระบุว่า การส่งออกมีมูลค่า 20,481.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว -1.39% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 19,206.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว -4.24% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 1,275.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับช่วง 9 เดือนของปี 2562 (มกราคมถึงกันยายน) การส่งออกมีมูลค่ารวม 186,571.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว -2.11% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่ารวม 179,190.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว -3.68% แต่ยังเกินดุลการค้า 7,381.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกของไทยในเดือนกันยายนที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.39% นั้นเป็นการหดตัวในอัตราที่ชะลอลง โดยภาพรวมการส่งออกสินค้าและตลาดปรับตัวดีขึ้น และประเมินว่าการส่งออกของไทยในปีนี้มีโอกาสสูงที่จะติดลบใกล้เคียงระดับ 1% จากเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ 3% โดยคาดว่าในช่วงไตรมาส 4 การส่งออกจะขยายตัวได้ 0.1% ที่มูลค่า 20,821 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมทั้งประเมินว่าในปี 2563 การส่งออกของไทยจะสามารถกลับไปเป็นบวกได้แน่นอน อย่างน้อย 1-2% ภายใต้สมมติฐานการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 2.7-3.2% อัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 30.50-31.50 บาทต่อดอลลาร์ และราคาน้ำมันดิบดูไบที่ระดับ 60-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
- ทรัมป์เผย เจรจาการค้ามีโอกาสบรรลุข้อตกลง วานนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ และจีนจะบรรลุข้อตกลงในการยุติการทำสงครามการค้า ขณะที่การเจรจาการค้ามีความคืบหน้าอย่างมาก พร้อมทั้งระบุว่าการทำข้อตกลงขั้นที่ 2 จะง่ายกว่าการทำข้อตกลงในขั้นที่ 1 ท่าทีดังกล่าวสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับ โรเบิร์ต ไลต์ทิเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ที่ระบุว่า รัฐบาลมีเป้าหมายในการสรุปข้อตกลงขั้นที่ 1 ก่อนการประชุม APEC ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศชิลีในวันที่ 16-17 พฤศจิกายนนี้
- จับตาผลประกอบการบริษัท Consumer สหรัฐฯ Q3/19 โดยคาดว่า McDonald’s จะมียอดขาย Same-Store Sales ขยายตัว 5.4% ส่งผลให้มีรายได้ต่อหุ้นที่ 2.21 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากรายได้ 5,490 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ P&G ถูกคาดการณ์ว่ายอดขายยังคงเติบโต สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับค่าใช้จ่ายทางด้านการตลาด ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.24 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากรายได้ 17,450 ล้านดอลลาร์
- Facebook เผยเดินหน้าแบน Instagram รัสเซียบางส่วนแล้ว หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งที่ผ่านมายังคงมีการสืบสวนถึงความเป็นไปได้ของการแทรกแซงจากรัสเซีย ล่าสุดวานนี้ Facebook บริษัทโซเชียลมีเดียรายใหญ่ของโลกรายงานว่า ได้ดำเนินการแบนบัญชีผู้ใช้จำนวนหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ การเมืองท้องถิ่น และการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดย Facebook ระบุว่า เราไม่สามารถทราบได้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของบุคคลเหล่านั้น แต่จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อตรวจสอบและป้องกันต่อไป ขณะที่รัสเซียออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวทั้งหมด
- SoftBank บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคม และ Holding Company สัญชาติญี่ปุ่น เดินหน้าเข้าควบคุมการบริหารในบริษัท WeWork สตาร์ทอัพผู้ให้บริการโคเวิร์กกิ้งสเปซทั่วโลก หลังจากที่รายงานผลการดำเนินงานขาดทุนอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเกิดความไม่โปร่งใสด้านการบริหารงานของ อดัม นูมันน์ โดย SoftBank ระบุว่า เตรียมดำเนินการเพิ่มสภาพคล่องให้บริษัท 4-5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มเติม และเข้าควบคุมกิจการแทนนูมันน์ ซีอีโอและผู้ก่อตั้งคนเดิม เพื่อดำเนินการปรับโครงสร้างกิจการให้สามารถกลับมามีรายได้อีกครั้ง
ภาวะตลาดวานนี้
- ดัชนี Dow Jones ปรับตัวขึ้นตอบรับมุมมองในเชิงบวกว่าสหรัฐฯ และจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติสงครามการค้าหลังจากที่ยืดเยื้อมานานได้ โดยปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยหนุนแรงซื้อหุ้น นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิป เช่น Apple ปิด +4.1 (+1.73%), Amazon ปิด +28.15 (+1.6%), Netflix ปิด+2.75 (+1%) และ Microsoft ปิด +1.02 (+0.74%)
- ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกัน จากความคาดหวังว่าอังกฤษจะสามารถหลีกเลี่ยงการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลงได้ (No-deal Brexit) แม้ว่าประสบความล้มเหลวในการพยายามผลักดันให้รัฐสภาลงมติต่อข้อตกลง Brexit ประกอบกับได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลง จากความกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน รวมทั้งยังคงติดตามสัญญาณจากสมาชิกกลุ่ม OPEC ก่อนที่การประชุมจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมที่กรุงเวียนนา
- สัญญาทองคำปรับตัวลงจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งนักลงทุนคาดหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่จะออกมาดี หลังจากที่ยืดเยื้อมานาน
สหรัฐฯ
- Dow 30 ปิดที่ 26827.64 เพิ่มขึ้น 57.44 (0.21%)
- S&P 500 ปิดที่ 3006.72 เพิ่มขึ้น 20.52 (0.69%)
- Nasdaq ปิดที่ 8162.99 เพิ่มขึ้น 73.44 (0.91%)
ยุโรป
- DAX ปิดที่ 12747.96 เพิ่มขึ้น 114.36 (0.91%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7163.64 เพิ่มขึ้น 13.07 (0.18%)
- Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3600.08 เพิ่มขึ้น 20.67 (0.58%)
- FTSE MIB ปิดที่ 22478.19 เพิ่มขึ้น 156.42 (0.7%)
เอเชีย
- Nikkei 225 ปิดที่ 22548.9 เพิ่มขึ้น 56.22 (0.25%)
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6652.5 เพิ่มขึ้น 2.8 (0.04%)
- Shanghai ปิดที่ 2939.62 เพิ่มขึ้น 1.48 (0.05%)
- SZSE Component ปิดที่ 9553.57 เพิ่มขึ้น 20.07 (0.21%)
- China A50 ปิดที่ 13962.76 เพิ่มขึ้น 80.25 (0.58%)
- Hang Seng ปิดที่ 26725.68 เพิ่มขึ้น 6.1 (0.02%)
- Taiwan Weighted ปิดที่ 11184.15 เพิ่มขึ้น 3.93 (0.04%)
- SET ปิดที่ 1620.78 ลดลง -10.65 (-0.65%)
- KOSPI ปิดที่ 2064.84 เพิ่มขึ้น 4.15 (0.2%)
- IDX Composite ปิดที่ 6198.99 เพิ่มขึ้น 7.04 (0.11%)
- BSE Sensex ปิดที่ 39298.38 เพิ่มขึ้น 246.32 (0.63%)
- PSEi Composite ปิดที่ 7891.13 เพิ่มขึ้น 5.9 (0.07%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 53.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.37 (-0.69%)
- ราคาน้ำมันเบรนท์ ปิดที่ 58.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.51 (-0.86%)
- ราคาทองคำ ปิดที่ 1488.15 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง -5.95 (-0.4%)
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
