- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีกำหนดเข้าให้การต่อรัฐสภาสหรัฐฯ เกี่ยวกับนโยบายการเงิน ซึ่งนักลงทุนยังคงจับตาถ้อยแถลงเพื่อคาดการณ์ท่าทีของ Fed ต่อไปในอนาคต หลังจากที่ Fed ตัดสินใจคงนโยบายการเงินในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนั้นแล้วสหรัฐฯ ยังมีกำหนดการประกาศยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนสิงหาคม ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 6.0 ล้านหลัง ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 5.86 ล้านหลัง คิดเป็นการขยายตัว 2.4%MoM โดยขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 หลังจากผ่านพ้นช่วงการล็อกดาวน์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
- เกิดการรั่วไหลของเอกสารลับที่รายงานความเคลื่อนไหวทางการเงินต้องสงสัยช่วงปี 1999-2017 กว่า 2,600 ฉบับ ของเครือข่ายปราบปรามอาชญากรรมการเงิน กระทรวงการคลังสหรัฐฯ (FinCEN) ซึ่งครอบคลุมธุรกรรมการเงินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 60 ล้านล้านบาท ที่หน่วยงานภายในที่ดูแลการปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถาบันการเงินเหล่านี้เคยแจ้งเตือนว่าเป็นการเคลื่อนย้ายเงินที่น่าสงสัย โดยเอกสารเหล่านี้ถึงมือเครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนนานาชาติ (ICIJ) ซึ่งเคยเปิดโปงกรณีการฟอกเงินของเหล่าคนดัง หรือ ‘ปานามา เปเปอร์ส’ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคาร เช่น HSBC, Standard Charterd, JPMorgan Chase, Deutsche Bank และ BNY Mellon เกิดแรงเทขายขึ้นจากความกังวลว่าจะมีส่วนในการทุจริตและฟอกเงินตามที่เอกสารดังกล่าวระบุ
- วานนี้กลุ่มหัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ (Chief Medical Officers: CMOs) ของอังกฤษออกแถลงการณ์แนะนำให้รัฐบาลยกระดับการเตือนภัยการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากระดับ 3 สู่ระดับ 4 เนื่องจากการแพร่ระบาดอยู่ในระดับสูง ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ 2 เท่าภายใน 7 วัน ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไปจะส่งผลให้อังกฤษมีผู้ติดเชื้อกว่า 50,000 รายต่อวันภายในกลางเดือนตุลาคม และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 รายต่อวัน ด้าน บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีกำหนดแถลงต่อรัฐสภาในคืนนี้ (ตามเวลาไทย) เกี่ยวกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดครั้งใหม่ ซึ่งคาดว่าอาจนำมาตรการล็อกดาวน์กลับมาใช้อีกครั้งเพื่อควบคุมสถานการณ์
- Huawei ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจากจีน ประกาศเตรียมลดการจ้างงานในออสเตรเลียลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายลดจำนวนพนักงานลงจากประมาณ 1,200 ตำแหน่ง เหลือ 200 ตำแหน่งภายในปี 2021 หลังความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากกรณีการแบนอุปกรณ์ 5G ของ Huawei และการโจมตีเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่ามีต้นเหตุมาจากจีน โดยก่อนหน้านี้ Huawei ได้ยกเลิกแผนกวิจัยและพัฒนาในออสเตรเลีย ซึ่งมีมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว
- วานนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวระหว่างหาเสียงว่าหลังจากที่รัฐบาลจีนได้แทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบด้านการค้ามาอย่างยาวนานนั้น เขาเองได้เคยคุยกับเหล่าที่ปรึกษาส่วนตัวเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการใช้อัตราแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินจีนแบบอ้างอิงการประกาศของรัฐบาลเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาเหล่านี้ระบุว่าไม่สามารถดำเนินการตามแนวคิดนี้ได้ เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนของสหรัฐฯ เป็นอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว
สรุปภาวะตลาดวานนี้
- ข่าวการทำธุรกรรมโอนเงินผิดกฎหมายโดยมีธนาคารชั้นนำทั่วโลกมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยส่งผลให้หุ้นธนาคารทั่วโลกปรับตัวลงอย่างหนัก ประกอบกับความกังวลว่ามีแนวโน้มที่จะกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้นในโซนยุโรป รวมทั้งอังกฤษด้วย หลังจำนวนผู้ติดโควิด-19 ยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หุ้นกลุ่มสายการบินและท่องเที่ยวร่วงแรงตามไปด้วย ทั้งสองปัจจัยนี้สร้างแรงกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยุโรป และอังกฤษปรับตัวลงเมื่อคืนที่ผ่านมา
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังลิเบียกลับมาส่งออกน้ำมันได้เพิ่มขึ้น รวมถึงปัจจัยการล็อกดาวน์ของยุโรป ซึ่งส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก และอาจก่อให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด ด้านสัญญาทองคำปรับตัวลงจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งมีการล็อกดาวน์ในโซนยุโรป ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำเพื่อถือครองเงินสดมากขึ้น
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 27,147.7 ลดลง 509.72 (-1.84%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3,281.06 ลดลง 38.41 (-1.16%)
- Nasdaq อยู่ที่ 10,778.8 ลดลง 14.48 (-0.13%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 12,542.44 ลดลง 573.81 (-4.37%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 5,804.29 ลดลง 202.76 (-3.38%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3,160.95 ลดลง 122.74 (-3.74%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 18,793.35 ลดลง 731.59 (-3.75%)
เอเชีย
- Nikkei 225 ปิดทำการ
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5,822.6 ลดลง 41.9 (-0.71%)
- Shanghai อยู่ที่ 3,316.94 ลดลง 21.15 (-0.63%)
- SZSE Component อยู่ที่ 13,149.5 ลดลง 95.59 (-0.72%)
- China A50 อยู่ที่ 15,503.77 ลดลง 175.12 (-1.12%)
- Hang Seng อยู่ที่ 23,950.69 ลดลง 504.72 (-2.06%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 12,795.12 ลดลง 80.5 (-0.63%)
- SET อยู่ที่ 1,275.16 ลดลง 13.23 (-1.03%)
- KOSPI อยู่ที่ 2,389.39 ลดลง 23.01 (-0.95%)
- IDX Composite อยู่ที่ 4,999.36 ลดลง 59.86 (-1.18%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 38,034.14 ลดลง 811.68 (-2.09%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 5,909.32 เพิ่มขึ้น 0.42 (+0.01%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 39.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 1.17 (-245.%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 41.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 1.46 (-338%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1,917.24 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 32.45 (-166%)
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters