– วานนี้กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยยอดการส่งออกประจำเดือนมิถุนายนออกมาที่ 4.86 ล้านล้านเยน หดตัว 26.2% (YoY) นับเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 19 แย่กว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ -24.9% นำโดยการส่งออกรถยนต์ที่หดตัวกว่า 49.9% และอะไหล่รถยนต์ที่หดตัว 52.3% โดยแบ่งเป็นการหดตัวในการส่งออกไปยังสหรัฐฯ 46.6% และยุโรป 28.4% สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งกดดันต่อการบริโภคทั่วโลก
– วานนี้มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดแถลงว่า ความพยายามพัฒนาวัคซีน ChAdOx1 nCoV-19 มีความคืบหน้าอย่างมาก ด้วยผลการทดลองกับอาสาสมัคร 1,077 คน พบว่า กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้สำเร็จ แต่ 70% ของผู้เข้าทดสอบระบุว่า มีอาการตัวร้อนและปวดศีรษะ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยระบุว่า การทดลองดังกล่าวจะดำเนินต่อไป เพื่อยืนยันอีกครั้งว่าจะช่วยใช้ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้หรือไม่ ขณะที่บริษัท Synairgen บริษัทยาของอังกฤษ เผยว่า ยา SNG001 ซึ่งอยู่ภายใต้การพัฒนานั้นสามารถลดความเสี่ยงได้ถึง 79% และมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วกว่าถึง 2 เท่า ในกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรง อีกทั้งยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่ทดลองอีก เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก
– หลังจากการอภิปรายด้านการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจยุโรป (Recovery Fund) ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 4 ส่งสัญญาณว่าอาจบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นที่เป็นการประนีประนอมระหว่างกลุ่มเนเธอร์แลนด์และพันธมิตรกับฝรั่งเศสและเยอรมนีที่วงเงินช่วยเหลือ 3.9 แสนล้านยูโร อย่างไรก็ตามในด้านการจัดสรรเงินช่วยเหลือและการกำกับดูแลการใช้เงิน ยังคงต้องเป็นที่ถกเถียงในรายละเอียดต่อไป อีกทั้ง เดวิด แซสโซลี ประธานรัฐสภายุโรป ได้ออกมาระบุว่า ไม่ว่าเช่นไรก็ตาม สหภาพยุโรปจะระงับความช่วยเหลือทันที หากประเทศนั้นๆ ละเมิดหลักการประชาธิปไตย
– หลิวเสี่ยวหมิง ทูตจีนประจำสหราชอาณาจักร ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Times ว่า การแบน Huawei เป็นการตัดสินใจที่น่าผิดหวัง เป็นการปฏิเสธโอกาสและการเติบโต เนื่องจากเทคโนโลยี 5G นั้นคือตัวแทนของอนาคต ตอบโต้กรณีการตัดสินใจห้าม Huawei มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่าย 5G ของประเทศทั้งหมดภายในปี 2570 ซึ่งอาจทำให้อังกฤษขับเคลื่อนสู่ยุคดิจิทัลล่าช้า เพิ่มค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้บริโภค และทำให้ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
– วานนี้คณะกรรมการกำกับดูแลด้านการเงินของไต้หวันเปิดเผยรายงานว่า ความวิตกกังวลด้านความมั่นคงในฮ่องกงกำลังส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ระดับโลกมีแนวโน้มย้ายสำนักงานไปยังไต้หวัน ซึ่งท่าทีดังกล่าวจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไต้หวันได้เป็นอย่างดี สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับผลสำรวจของหอการค้าสหรัฐฯ ที่ระบุว่า บริษัทสหรัฐฯ จำนวนมากมีแนวโน้มที่จะย้ายสำนักงานจากฮ่องกงไปยังไต้หวันเป็นหลัก และเกาหลีใต้บางส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล่มธุรกิจสื่อที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่นั้นอาจกระทบเสรีภาพของสื่ออย่างมาก
ภาวะตลาดวานนี้
– ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นจากความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ที่สามารถสร้างภูมิต้านทานได้ดีในระดับหนึ่ง รวมไปถึงแรงเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ทำนิวไฮ จากความคาดหวังที่ผลประกอบการของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะมาออกแข็งแกร่ง โดยหุ้น Microsoft และ Intel จะประกาศงบในช่วงสัปดาห์นี้ สอดคล้องกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นเช่นกันจากความคาดหวังที่ผู้นำสหภาพยุโรปจะบรรลุข้อตกลงกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.50 แสนล้านยูโรได้ในเร็วๆ นี้
– สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากความคืบหน้าของวัคซีนต้านโควิด-19 รวมไปถึงข้อมูลจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ที่ลดลงเป็นประวัติการณ์สู่ระดับ 253 แท่น บ่งชี้ถึงอุปทานที่ลดลง ในขณะที่อุปสงค์เริ่มเพิ่มขึ้นจากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมไปถึงแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุนจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทั่วโลก แม้ว่าหลายๆ ปัจจัยจะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่ยังไม่ถึงจุดเดิมก่อนที่โควิด-19 จะระบาด
สหรัฐฯ
– Dow Jones อยู่ที่ 26680.87 เพิ่มขึ้น 8.92 (0.03%)
– S&P 500 อยู่ที่ 3251.84 เพิ่มขึ้น 27.11 (0.84%)
– Nasdaq อยู่ที่ 10767.09 เพิ่มขึ้น 263.9 (2.51%)
ยุโรป
– DAX อยู่ที่ 13046.92 เพิ่มขึ้น 127.31 (0.99%)
– FTSE 100 อยู่ที่ 6261.52 ลดลง -28.78 (-0.46%)
– Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3388.34 เพิ่มขึ้น 22.74 (0.68%)
– FTSE MIB อยู่ที่ 20621.48 เพิ่มขึ้น 202.09 (0.99%)
เอเชีย
– Nikkei 225 อยู่ที่ 22717.48 เพิ่มขึ้น 21.06 (0.09%)
– S&P/ASX 200 อยู่ที่ 6001.6 ลดลง -32 (-0.53%)
– Shanghai อยู่ที่ 3314.15 เพิ่มขึ้น 100.02 (3.11%)
– SZSE Component อยู่ที่ 13448.85 เพิ่มขึ้น 333.91 (2.55%)
– China A50 อยู่ที่ 15504.66 เพิ่มขึ้น 380.15 (2.51%)
– Hang Seng อยู่ที่ 25057.99 ลดลง -31.18 (-0.12%)
– Taiwan Weighted อยู่ที่ 12174.54 ลดลง -7.02 (-0.06%)
– SET อยู่ที่ 1358.29 ลดลง -1.29 (-0.09%)
– KOSPI อยู่ที่ 2198.2 ลดลง -2.99 (-0.14%)
– IDX Composite อยู่ที่ 5051.11 ลดลง -28.48 (-0.56%)
– BSE Sensex อยู่ที่ 37418.99 เพิ่มขึ้น 398.85 (1.08%)
– PSEi Composite อยู่ที่ 6150.7 เพิ่มขึ้น 61.95 (1.02%)
Commodity
– ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 40.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.24 (0.6%)
– ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 43.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.06 (0.14%)
– ราคาทองคำ อยู่ที่ 1818.06 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 8.16 (0.45%)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters