- เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศพร้อมใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แต่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบ พร้อมทั้งระบุว่า เครื่องมือการกระตุ้นเศรษฐกิจของ Fed ณ ตอนนี้ยังสามารถใช้งานได้ดี แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังอาจถดถอยมากกว่านี้ได้อีก ซึ่งรัฐบาลต้องช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้มากขึ้น
- Saudi Aramco บริษัทนํ้ามันยักษ์ใหญ่ในซาอุดีอาระเบีย อาจมีหนี้สินที่สูงขึ้นเกินตัว หลังการเทขายของนักลงทุน ส่งผลให้อัตราปันผลอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในโลก โดยทางบริษัทอาจต้องกู้ยืมเพิ่มเติมเพื่อจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงกับนักลงทุนในอนาคต ถึงแม้ทางบริษัทจะมีเงินสดอยู่มาก (1.5 หมื่นล้านดอลลาร์) แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะจ่ายเงินปันผลทั้งหมด (1.88 หมื่นล้านดอลลาร์)
- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจ โดยวันนี้สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 2.5 ล้านราย ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 3.17 ล้านราย สืบเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อภาคธุรกิจทั่วสหรัฐฯ โดยเฉพาะยิ่งภาคบริการ
- สหประชาชาติ (UN) เผยรายงานสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจระบุว่า GDP ทั่วโลกปี 2020 อาจหดตัว 3.2% และมูลค่าเศรษฐกิจโลกจะลดลงเกือบ 8.5 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะลบล้างการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาไปหมดสิ้น และเป็นการหดตัวแรงที่สุดนับตั้งแต่ Great Depression สืบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้การค้าทั่วโลกหยุดชะงักจากการหดตัวของอุปสงค์ และห่วงโซ่อุปทานถูกดิสรัปต์ โดยที่การค้าทั่วโลกหดตัวเกือบ 15%
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนเมษายน ซึ่งเป็นตัวแทนของอัตราเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต อยู่ที่ -1.3% (MoM) หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และเป็นการหดตัวแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2009 สืบเนื่องจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกกว่า 56% ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อราคาขายปลีกน้ำมันจนหดตัว 19.0% สวนทางราคาอาหารที่ปรับตัวขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ตัวเลขดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับตลาด เนื่องจากทิศทางของอัตราเงินเฟ้อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ ห่างจากเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ตั้งไว้ที่ระดับ 2% โดยวัดจากดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งมักเคลื่อนไหวในทิศทางใกล้เคียงกัน
ภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงหลังตัวเลข PPI ออกมาแย่กว่าคาด รวมไปถึงท่าทีของเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ที่ออกมายืนยันว่าจะไม่มีดอกเบี้ยติดลบตามที่ตลาดคาดหวัง ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงจากความกังวลดังกล่าว สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรป ที่กังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสอาจกลับมาอีกรอบหลังคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้เศรษฐอาจยังไม่กลับมาฟื้นฟูในเร็วๆ นี้
- สัญญาน้ำมันปรับตัวลงแม้ว่าสต๊อกน้ำมันดิบจะออกมาลดลง ซึ่งสวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น แต่นักลงทุนยังกังวลกับเศรษฐกิจที่จะชะลอตัวหลังจากนี้ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกรอบ ซึ่งส่งผลต่อปริมาณความต้องการใช้น้ำมัน และอาจทำให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดได้ ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นจากความกังวลที่เศรษฐกิจอาจชะลอตัวต่อไปอีก หลังยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมรวมไปถึงตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลดังกล่าว
สหรัฐฯ
- Dow 30 อยู่ที่ 23,247.97 ลดลง -516.81 (-2.17%)
- S&P 500 อยู่ที่ 2,820 ลดลง -50.12 (-1.75%)
- Nasdaq อยู่ที่ 8,863.17 ลดลง -139.38 (-1.55%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 10,542.66 ลดลง -276.84 (-2.56%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 5,904.05 ลดลง -90.72 (-1.51%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 2,810.55 ลดลง -73.65 (-2.55%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 17,183.44 ลดลง -375.88 (-2.14%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 20,267.05 ลดลง -99.43 (-0.49%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5,421.9 เพิ่มขึ้น 18.9 (0.35%)
- Shanghai อยู่ที่ 2,898.05 เพิ่มขึ้น 6.49 (0.22%)
- SZSE Component อยู่ที่ 11,074.59 เพิ่มขึ้น 59.03 (0.54%)
- China A50 อยู่ที่ 13,528.62 เพิ่มขึ้น 4.99 (0.04%)
- Hang Seng อยู่ที่ 24,180.3 ลดลง -65.38 (-0.27%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 10,938.27 เพิ่มขึ้น 58.8 (0.54%)
- SET อยู่ที่ 1294.55 ลดลง -5.14 (-0.4%)
- KOSPI อยู่ที่ 1,940.42 เพิ่มขึ้น 18.25 (0.95%)
- IDX Composite อยู่ที่ 4,554.36 ลดลง -34.38 (-0.75%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 32,008.61 เพิ่มขึ้น 637.49 (2.03%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 5,626.25 ลดลง -25.42 (-0.45%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 25.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.37 (1.46%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่ 29.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.04 (0.14%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1718.68 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 16.04 (0.94%)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- InfoQuest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters
ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum
