- สหรัฐฯ เปิดเผยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ ไตรมาสที่ 3 (GDP) ขยายตัว 33.1% สูงกว่าคาดการณ์ที่ 32% และฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนที่หดตัวไปถึง 31.4% โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภายในที่ฟื้นตัว พร้อมกับการทำกำไรจากการลงทุนของภาคธุรกิจ นอกจากนี้การส่งออกยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนเช่นเดียวกัน
- Apple เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมา พบว่ามีรายได้ที่ 6.49 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไรที่ 73 เซนต์ต่อหุ้น สูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับตัวลงกว่า 4% ในตลาดหลังเวลาทำการเนื่องจากตลาดผิดหวังยอดขาย iPhone หลังการเปิดตัว iPhone12 เปลี่ยนไปจากช่วงเวลาปกติที่จะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 นอกจากนี้บริษัทยังไม่ได้เปิดเผยประมาณการรายได้ของไตรมาสหน้า สร้างความผิดหวังต่อนักวิเคราะห์เช่นเดียวกัน
- นอกจาก Apple ที่เปิดเผยผลประกอบการแล้ว Facebook เจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีรายได้อยู่ที่ 2.147 แสนล้านดอลลาร์ และกำไรที่ 2.71 เซนต์ต่อหุ้น สูงกว่าคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ใช้ในสหรัฐฯ และแคนาดาลดลงมาที่ 196 ล้านราย จาก 198 รายในไตรมาสก่อนหน้า ด้าน Google เปิดเผยรายได้ออกมาที่ 4.617 แสนล้านดอลลาร์ และกำไรที่ 16.40 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์เช่นเดียวกัน โดยรายได้จากการโฆษณากลับมาในแดนขยายตัวอีกครั้ง ส่วนรายได้จาก Cloud อยู่ที่ 3.44 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ ท้ายที่สุด Amazon เป็นอีกบริษัทที่เปิดเผยรายได้และกำไรสูงกว่าคาดการณ์ โดยรายได้ขยายตัวที่ 37% และเปิดเผยคาดการณ์รายได้ไตรมาสหน้าว่าจะขยายตัวที่ 28% ถึง 38%
- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ -0.5% และคงวงเงินซื้อพันธบัตรไว้ที่ระดับ 1.35 ล้านล้านยูโร โดยจะซื้อไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2564 นอกจากนี้ ECB ยังส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายในการประชุมเดือนธันวาคม
- หลังมีการเปิดเผยตัวเลข GDP ที่ขยายตัวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาทวีตข้อความตอบรับและอ้างผลงาน ซึ่งอาจเป็นอีกปัจจัยที่เอื้อประโยชน์ต่อการเลือกตั้งที่กำลังมาถึงในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้
ภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นหลังมีแรงเทขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่งจากตัวเลข GDP ที่ออกมาขยายตัวที่ 33.1% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการ์ไว้ รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 3 ที่ออกมาแข็งแกร่ง ช่วยลดความกังวลที่เศรษฐกิจอาจกลับมาชะลอตัวอีกครั้งได้ สวนทางกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงจากความกังวลที่เศรษฐกิจอาจฟื้นตัวได้ช้าจากมาตรการล็อกดาวน์ในหลายๆ ประเทศ แม้ว่าทาง ECB จะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ตาม
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากความกังวลเกี่ยวกับยอดผู้ติดโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และหลายๆ ประเทศได้ออกมาตรการล็อกดาวน์แล้ว ซึ่งส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันลดลง และอาจก่อให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดได้ ด้านสัญญาทองคำปรับตัวลงหลังตลาดหุ้นกลับมาคึกคักอีกครั้ง รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแข็งแกร่งและสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากปัจจัยดังกล่าว
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 26659.11 เพิ่มขึ้น 139.16 (0.52%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3310.11 เพิ่มขึ้น 39.08 (1.19%)
- Nasdaq อยู่ที่ 11185.59 เพิ่มขึ้น 180.72 (1.64%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 11598.07 เพิ่มขึ้น 37.56 (0.32%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 4569.67 ลดลง -1.45 (-0.03%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 2960.03 ลดลง -3.51 (-0.12%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 17872.28 ลดลง -25.51 (-0.14%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 23331.94 ลดลง -85.89 (-0.37%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 6057.7 เพิ่มขึ้น 6.7 (0.11%)
- Shanghai อยู่ที่ 3272.73 เพิ่มขึ้น 3.34 (0.10%)
- SZSE Component อยู่ที่ 13519.66 เพิ่มขึ้น 131.21 (0.98%)
- China A50 อยู่ที่ 15936.07 เพิ่มขึ้น 102.09 (0.64%)
- Hang Seng อยู่ที่ 24586.60 ลดลง -120.71 (-0.49%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 12662.91 ลดลง -131.04 (-1.02%)
- SET อยู่ที่ 1201.64 ลดลง -6.35 (-0.53%)
- KOSPI อยู่ที่ 2326.67 ลดลง -18.58 (-0.79%)
- IDX Composite ปิดทำการ
- BSE Sensex อยู่ที่ 39749.85 ลดลง -172.61 (-0.43%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 6249.39 ลดลง -128.83 (-2.02%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 36.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -1.22 (-3.26%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 38.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.98 (-2.49%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1867.13 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง -9.94 (-0.53%)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters