- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50-1.75% ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินคาดว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในระยะ 12 เดือนข้างหน้า มีแนวโน้มต่ำกว่า 2% นอกจากนี้ Fed ยังคงแผนการเข้าซื้อตราสารหนี้ เพื่อรักษาระดับเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ไปจนถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 โดยที่ผ่านมา Fed เข้าซื้อตราสารหนี้ด้วยปริมาณ 60,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน นับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา
- ราคาหุ้น Facebook ร่วง หลังเปิดเผยงบ ส่วน Microsoft ผลประกอบการเกินคาดการณ์ Facebook บริษัทโซเชียลเน็ตเวิร์กยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ เปิดเผย EPS ออกมาที่ 2.56 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าคาดการณ์ที่ 2.53 ดอลลาร์ต่อหุ้น ด้านรายได้อยู่ที่ 21,080 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 20,890 ล้านดอลลาร์ ส่วน Microsoft บริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลก เปิดเผย EPS ออกมาที่ 1.51 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าคาดการณ์ที่ 1.32 ดอลลาร์ต่อหุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ 36,910 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 35,680 ล้านดอลลาร์ โดยธุรกิจคลาวด์อย่าง Azure กลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ 62% จาก 59% เมื่อไตรมาสก่อน ซึ่งหนุนรายได้และกำไรออกมาเหนือคาดการณ์
- จับตา GDP สหรัฐฯ และมติธนาคารกลางอังกฤษ โดยคืนนี้สหรัฐฯ มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจไตรมาสที่ 4 (GDP) โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.1% (QoQ) อยู่ในระดับเดียวกับไตรมาสก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.75%
- สหรัฐฯ เผยตัวเลข Pending Home Sales เดือนธันวาคม หดตัว 4.9% (MoM) ต่ำกว่าคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.5% (MoM) และต่ำกว่าตัวเลขเมื่อเดือนก่อนหน้าซึ่งขยายตัวที่ 1.2% (MoM) ส่วน Crude Oil Inventories หรือปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง เพิ่มขึ้น 3.548 ล้านบาร์เรล สูงกว่าคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นที่ 0.482 ล้านบาร์เรล
- นักวิชาการ NIDA คาด GDP ไทยปีนี้ขยายตัว 2.5-2.7% โดยประเมินว่า ต้องหวังการเบิกจ่ายงบประมาณและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ พร้อมคาดตัวเลขส่งออกขยายตัวได้ ส่วนการท่องเที่ยวยังเป็นแหล่งรายได้หลักที่เติบโตได้ดี อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทและหยวน ทำให้เกิดผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนไทย
สรุปภาพรวมตลาดเมื่อวานนี้
- ดัชนี Dow Jones และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ S&P 500 ปรับตัวลงจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีเกินคาด อย่างไรก็ตามตลาดยังคงกังวลเรื่องไวรัสโคโรนาที่ยังแพร่ระบาดทั่วโลก และยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นจากผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารบางแห่งที่ออกมาแข็งแกร่ง และตลาดยังได้แรงหนุนจากที่เยอรมนีปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ในปีนี้จาก 1% เป็น 1.1% ส่งผลให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดได้ ด้านราคาทองคำปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากแรงซื้อทองคำของนักลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยงการลงทุน และจับตาดูสถานการณ์ไวรัสโคโรนา รวมไปถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่จะประกาศในช่วงสัปดาห์นี้
สหรัฐฯ
- Dow 30 ปิดที่ 28734.45 จุด เพิ่มขึ้น 11.60 จุด (+0.04%)
- S&P 500 ปิดที่ 3273.40 จุด ลดลง 2.84 จุด (-0.09%)
- Nasdaq ปิดที่ 9275.16 จุด เพิ่มขึ้น 5.48 จุด (+0.06%)
ยุโรป
- DAX ปิดที่ 13345.00 จุด เพิ่มขึ้น 21.31 จุด (+0.16%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7483.57 จุด เพิ่มขึ้น 2.88 จุด (+0.04%)
- Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3736.36 จุด เพิ่มขึ้น 17.14 จุด (+0.46%)
- FTSE MIB ปิดที่ 24164.73 จุด เพิ่มขึ้น 137.10 จุด (+0.57%)
เอเชีย
- ตลาดหุ้นจีน ไต้หวัน ปิดทำการ
- Nikkei 225 ปิดที่ 23379.40 จุด เพิ่มขึ้น 163.69 จุด (+0.71%)
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 7031.50 จุด เพิ่มขึ้น 37.00 จุด (+0.53%)
- Hang Seng ปิดที่ 27160.63 จุด เพิ่มขึ้น 789.01 จุด (-2.82%)
- SET ปิดที่ 1524.59 จุด เพิ่มขึ้น 11.33 จุด (+0.75%)
- KOSPI ปิดที่ 2185.28 จุด เพิ่มขึ้น +8.56 จุด (+0.39%)
- IDX Composite ปิดที่ 6113.05 จุด เพิ่มขึ้น 1.86 จุด (+0.03%)
- BSE Sensex ปิดที่ 41198.66 จุด เพิ่มขึ้น 231.80 จุด (+0.57%)
- PSEi Composite ปิดที่ 7462.31 จุด ลดลง 6.39 จุด (-0.09%)
Commodity
- ราคาน้ำมัน WTI ปิดที่ 53.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.15 (-0.3%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ 59.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.30 (+0.5%)
- ราคาทองคำ ปิดที่ 1570.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น +0.60 (+0.04%)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters