ยุโรประส่ำจากโควิด-19 ปิดเมืองหลายประเทศ, ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงต่ำ 40 ดอลลาร์อีกครั้ง วิตกสต๊อกน้ำมัน: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (29 ต.ค. 2563)

ประเทศหลักในยุโรปมีคำสั่งปิดเมืองอีกครั้ง หลังตัวเลขผู้ติดโควิด-19 ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยฝรั่งเศสประกาศมาตรการปิดเมืองครั้งใหม่ แม้จะยังเปิดโรงเรียนอยู่ ขณะที่เยอรมนีกำลังใช้มาตรการปิดเมืองบางส่วนเช่นเดียวกัน ส่วน นพ.แอนโทนี เฟาชี ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จะยังไม่มีวัคซีนใช้ในสหรัฐฯ อย่างน้อยจนถึงเดือนมกราคม สวนทางคำกล่าวก่อนหน้านี้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงมาต่ำกว่าระดับ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้ง โดยรับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลับมาอีกครั้งในยุโรปและสหรัฐฯ นอกจากนี้มีการเปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 4.320 ล้านบาร์เรล สูงกว่าคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.230 ล้านบาร์เรล

ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ โดยคืนนี้ทางการสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3 (เบื้องต้น) โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะกลับมาขยายตัวที่ 31.0% จากไตรมาสก่อนที่หดตัว -31.4% นอกจากนี้ยังต้องติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ -0.50% แต่ยังต้องติดตามท่าทีต่อมาตรการกระตุ้นในระยะต่อจากนี้

เช้าตรู่วันพรุ่งนี้ บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ซึ่งนักวิเคราะห์ต่างคาดว่าทั้งรายได้และกำไรจะเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว นำโดย Apple ซึ่งนักวิเคราะห์คาดรายได้ไว้ที่ 63,980 ล้านดอลลาร์ และกำไรที่ 0.71 ดอลลาร์ต่อหุ้น ตามด้วย Amazon ซึ่งคาดว่ารายได้จะออกมาที่ 92,600 ล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรอยู่ที่ 7.37 ดอลลาร์ต่อหุ้น ขณะที่ Alphabet คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 42,760 ล้านดอลลาร์ และกำไรที่ 11.28 ดอลลาร์ต่อหุ้น และ Facebook คาดรายได้ไว้ที่ 19,750 ล้านดอลลาร์ และกำไรที่ 1.89 ดอลลาร์ต่อหุ้น

Gilead Sciences เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมาเติบโตมากกว่าคาดการณ์ โดยออกมาที่ 6,500 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 6,300 ล้านดอลลาร์ และเติบโต 17% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ส่วนกำไรออกมาที่ 2.11 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าคาดการณ์ที่ 1.90 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายของ Remdesivir ที่ใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19

ภาวะตลาดวานนี้

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวร่วงแรงแม้ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 3 หลายแห่งจะออกมาแข็งแกร่งก็ตาม แต่ตลาดได้รับแรงกดดันจากจำนวนผู้ติดโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งยังความล่าช้าในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งประธานาธิบดี แสดงให้เห็นว่านักลงทุนสนใจประเด็นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมากกว่าที่สามารถบ่งชี้ถึงแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงเช่นกันหลังหลายๆ ประเทศในยุโรปเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการล็อกดาวน์ อาทิ เยอรมนีที่สั่งปิดร้านอาหารและบาร์ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนเป็นต้นไป สร้างความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจในยุโรปอาจไม่ฟื้นในเร็วๆ นี้

สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวร่วงแรงจากตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้มาก และมาตรการล็อกดาวน์ในหลายๆ ประเทศ กดดันต่อปริมาณความต้องการใช้น้ำมัน สร้างความกังวลว่าอาจเกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด ด้านสัญญาทองคำปรับตัวลงจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาดูหลายๆ ประเด็นที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจ และอาจเข้าซื้อทองคำอีกครั้งหากเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ

สหรัฐฯ