ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐฯ ฮวบ เหตุโควิด-19 กดดันรายได้, หุ้น Google บวกแรง หลังผลประกอบการไม่แย่อย่างที่กังวล: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (29 เม.ย. 2563)

กลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ในยุโรปเริ่มกลับมาเปิดโรงงานการผลิตบางส่วน อาทิ Volkswagen บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของเยอรมนีที่เปิดโรงงานผลิตขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัทอีกครั้งในวันที่ 27 เมษายน หลังทางการเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์บางส่วน โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ และยุโรปได้เลยจุดตํ่าสุดไปแล้ว แต่อาจฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ จากอุปสงค์ที่หดหายไปในช่วงล็อกดาวน์

สายการบิน Southwest Airlines หนึ่งในสายการบินขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ออกมาแถลงคาดการณ์รายได้ในเดือนพฤษภาคมว่าจะลดลง 95% (YoY) หลังเผชิญผลกระทบจากโควิด-19 รวมถึงปัญหาการลดต้นทุนที่ยังไม่สามารถทำได้ โดยทาง Southwest Airlines จะมีการเสนอขายหุ้นเพิ่มเติม 55 ล้านหุ้นหรือตีเป็นมูลค่าที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์ เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินท่ามกลางอุปทานที่หดหายในช่วงนี้

PepsiCo รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/20 ออกมาดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังกำไรเพิ่มขึ้น 10% จากการที่ผู้คนแห่กักตุนสินค้าช่วงล็อกดาวน์ โดยมีการรายงานอัตรากำไรต่อหุ้นที่ 1.07 ดอลลาร์ต่อหุ้น และมียอดขายรวมเพิ่มขึ้นที่ 7.7% อย่างไรก็ตามทางบริษัทยังเน้นยํ้าว่าความไม่แน่นอนในสถานการณ์ของโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในปี 2020

วานนี้ทางการสหรัฐฯ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CB Consumer Confidence) ประจำเดือนเมษายนออกมาที่ 86.9 จุด ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 87.9 จุด และลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 118.8 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 6 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2014 สืบเนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้จำนวนผู้ว่างงานปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นประวัติการณ์

บริษัท Alphabet เจ้าของ Search Engine รายใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง Google รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/20 ออกมาดีกว่าคาด ด้วยรายได้กว่า 41,160 ล้านดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 40,290 ล้านดอลลาร์ โดยมีกำไรต่อหุ้นที่ 9.87 ดอลลาร์ต่อหุ้น ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เล็กน้อยที่ 10.33 ดอลลาร์ต่อหุ้น อย่างไรก็ตามรายได้จาก Cloud ยังคงขยายตัวในระดับที่สูงถึง 52% (YoY) ขณะที่รายได้จากการโฆษณาเติบโตเพียง 10% (YoY) เท่านั้น ซึ่งการประกาศผลประกอบการในครั้งนี้ช่วยคลายความกังวลให้กับนักลงทุนที่คาดการณ์ว่ารายได้จากโฆษณาจะลดลงอย่างเฉียบพลัน ส่งผลให้อาจหดตัวได้ ผลักดันให้ราคาหุ้น Alphabet ปรับตัวขึ้นกว่า 7% ในคืนที่ผ่านมา

สรุปภาพรวมตลาดวานนี้

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงจากแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีก่อนจะมีการประกาศงบการเงินออกมา หลังคาดว่ารายได้อาจออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ อาทิ หุ้น Facebook ร่วง 2.45% เป็นต้น สวนทางกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นหลังมีการเตรียมมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจอาจกลับมาฟื้นฟูอีกครั้ง รวมไปถึงแรงหนุนจากงบบริษัทบางแห่งประกาศออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้อีกด้วย

สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังมีข่าวว่า กองทุนน้ำมันสหรัฐฯ หรือ USO จะขายสัญญาน้ำมันที่ส่งมอบเดือนมิถุนายนทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนไปถือสัญญาที่มีระยะเวลาส่งมอบยาวนานกว่านี้ แสดงถึงปริมาณน้ำมันในตลาดที่เริ่มล้นตลาดอย่างชัดเจน ด้านสัญญาทองคำปรับตัวลงเล็กน้อยหลังนักลงทุนเริ่มคาดหวังที่เศรษฐกิจจะฟื้นฟูอีกครั้งและเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์บ้าง ส่งผลให้เริ่มมีแรงเทขายทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยออกมา

สหรัฐฯ