×

TikTok อาจได้ไปต่อ หลังผู้พิพากษาสหรัฐฯ ระบุไม่สมเหตุสมผลที่จะแบนเวลานี้, อังกฤษประท้วงต้านมาตรการคุมโควิด-19: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (28 ก.ย. 2563)

โดย FINNOMENA
28.09.2020
  • LOADING...
  • หลังจากที่ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดวันเสาร์ที่ 26 กันยายนได้เกิดการชุมนุมประท้วงของประชาชนหลายพันคนบริเวณลานจัตุรัสทราฟัลการ์ กลางกรุงลอนดอน เพื่อต่อต้านและตั้งคำถามถึงประโยชน์ของมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ที่พยายามสลายการชุมนุม เนื่องจากผู้ชุมนุมไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและไม่สวมหน้ากากอนามัย ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ 9 นายได้รับบาดเจ็บ และประชาชน 16 คนถูกจับกุมตัว

 

  • วันเสาร์ที่ผ่านมา แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNN ระบุว่าเธอเชื่อว่าจะเกิดความร่วมมือระหว่างสองพรรคเพื่อให้มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สามารถบรรลุได้ โดยในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในระหว่างการหามาตรการที่มีความเหมาะสมทั้งในแง่ของขนาดและระยะเวลาเท่านั้น แต่ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องกันว่าจะต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

 

  • คาร์ล นิโชล ผู้พิพากษาศาลเขตวอชิงตัน ให้สัมภาษณ์ระบุว่ากำลังจะออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวแก่ ByteDance, Apple และ Google ต่อ Executive Order ของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันดาวน์โหลด TikTok แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียชื่อดังของจีน ซึ่งส่งผลให้ Apple และ Google จะต้องนำแอปฯ ดังกล่าวออกจากแอปสโตร์ของตน โดยผู้พิพากษามองว่ามีความเป็นไปได้ว่าคำสั่งของทรัมป์มีความเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึง อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลที่จะแบนแอปฯ ดังกล่าว ทั้งๆ ที่กำลังมีการเจรจาร่วมมือและเปลี่ยนถ่ายบริษัทบางส่วนเป็นสัญชาติสหรัฐฯ ในเวลานี้ โดยสำนักข่าว Reuters คาดว่าแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของศาลจะเผยแพร่ในวันจันทร์นี้

 

  • สกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติแบบออนไลน์ ระบุว่าการแบ่งปันข้อมูลด้านวัคซีนโควิด-19 เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะเป็นความรับผิดชอบด้านศีลธรรมระดับโลก พร้อมให้คำมั่นว่าหากออสเตรเลียสามารถพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ได้สำเร็จก็จะแบ่งปันข้อมูลอย่างแน่นอน เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบในวงกว้างและเกี่ยวพันกับชีวิตของคนนับสิบล้านคนทั่วโลก

 

  • อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้สัมภาษณ์ระบุว่าธนาคารแห่งประเทศไทยควรที่จะใช้มาตรการ Yield Curve Control ควบคู่ไปกับการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ 0% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากมีข้อจำกัดทางการคลังเพิ่มเติมขึ้นมาก โดยมองว่าควรที่จะกำหนดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลระยะกลางอายุ 3-4 ปี ที่ 0.75-1.25% และอายุ 7-10 ปี ไม่เกิน 2-2.50% ส่วนอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรอายุ 1-2 ปี ควรปรับลงมาไม่ให้เกิน 0.50% เพื่อให้ต้นทุนทางการเงินของสินเชื่อระยะ 3-10 ปีลดต่ำลง ซึ่งจะเป็นการช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนให้ฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

สรุปภาวะตลาดวานนี้

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแม้ตัวเลขเศรษฐกิจจะอ่อนแอก็ตาม แต่ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่จะบรรลุข้อตกลงมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ สวนทางกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงจากมาตรการล็อกดาวน์รอบสองในโซนยุโรปที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนจนต้องเทขายหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงออกมา

 

  • สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากความกังวลที่เศรษฐกิจทั่วโลกอาจฟื้นตัวได้ช้า ซึ่งส่งผลต่อปริมาณความต้องการน้ำมันโดยตรง และอาจทำให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดได้อีกครั้ง ด้านสัญญาทองคำปรับตัวลงจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งความคาดหวังมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากปัจจัยดังกล่าว

 

สหรัฐฯ

  • Dow Jones อยู่ที่ 27,173.96 เพิ่มขึ้น 358.52 (+1.34%)
  • S&P 500 อยู่ที่ 3,298.46 เพิ่มขึ้น 51.87 (+1.6%)
  • Nasdaq อยู่ที่ 10,913.56 เพิ่มขึ้น 241.3 (+2.26%)

 

ยุโรป

  • DAX อยู่ที่ 12,469.2 ลดลง 137.37 (-1.09%)
  • FTSE 100 อยู่ที่ 5,842.67 เพิ่มขึ้น 19.89 (+0.34%)
  • Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3,137.06 ลดลง 22.58 (-0.71%)
  • FTSE MIB อยู่ที่ 18,698.36 ลดลง 208.47 (-1.1%)

 

เอเชีย

  • Nikkei 225 อยู่ที่ 23,204.62 เพิ่มขึ้น 116.8 (+0.51%)
  • S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5,964.9 เพิ่มขึ้น 89 (+1.51%)
  • Shanghai อยู่ที่ 3,219.42 ลดลง 3.76 (-0.12%)
  • SZSE Component อยู่ที่ 12,814.17 ลดลง 2.43 (-0.02%)
  • China A50 อยู่ที่ 15,126.81 เพิ่มขึ้น 22.76 (+0.15%)
  • Hang Seng อยู่ที่ 23,235.42 ลดลง 75.65 (-0.32%)
  • Taiwan Weighted อยู่ที่ 12,232.91 ลดลง 31.47 (-0.26%)
  • SET อยู่ที่ 1,244.94 ลดลง 2.52 (-0.2%)
  • KOSPI อยู่ที่ 2,278.79 เพิ่มขึ้น 6.09 (+0.27%)
  • IDX Composite อยู่ที่ 4,945.79 เพิ่มขึ้น 103.03 (+2.13%)
  • BSE Sensex อยู่ที่ 37,388.66 เพิ่มขึ้น 835.06 (+2.28%)
  • PSEi Composite อยู่ที่ 5,838.66 ลดลง 7.14 (-0.12%)

 

Commodity

  • ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 40.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.06 (-15%)
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่ 41.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.02 (-5%)
  • ราคาทองคำ อยู่ที่ 1,860.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 7.99 (-43%)

 

 

Finnomena

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง: 

  • Infoquest
  • Bloomberg
  • Investing
  • CNBC
  • Reuters
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising