– จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศตัวเลขการขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 5.25 ล้านตำแหน่ง ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 6.648 ล้านตำแหน่ง จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาดแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนทำงานพาร์ตไทม์
– องค์การการค้าโลก (WTO) ออกรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2020 ระบุว่า เศรษฐกิจโลกมีโอกาสหดตัวถึง 13.32% จากผลกระทบของโควิด-19 ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตทั่วโลกจนหยุดชะงักลง ขณะที่การฟื้นตัวในปี 2021 ก็ยังไม่ชัดเจน เนื่องจากยังต้องจับตาดูระยะเวลาการแพร่ระบาด และประสิทธิภาพของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลก
– เบอร์นี แซนเดอร์ส หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ประกาศถอนตัวจากการชิงชัย ส่งผลให้ โจ ไบเดน ผู้สมัครอีกราย ขึ้นแท่นเป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวจากพรรคเดโมแครตในการชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับโดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกัน ในเดือนพฤศจิกายนนี้
– เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้แจงกรณีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวพาดพิงว่า WHO เข้าข้างจีน และให้คำแนะนำที่ผิดพลาด จนทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรง โดยระบุว่า การดำเนินการร่วมกับจีนในการรับมือการแพร่ระบาดนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากจีนเป็นจุดเริ่มต้นของกรณีดังกล่าว และทางการจีนเองก็ดำเนินการกักตัวผู้ต้องสงสัยติดเชื้ออย่างเต็มที่ พร้อมทั้งระบุว่า การที่สหรัฐฯ ขู่งดสนับสนุนด้านเงินทุนในช่วงเวลานี้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงวิกฤตของการแพร่ระบาดอย่างแท้จริง
– ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แตะ 1.5 ล้านราย โดยในช่วง 4 วันที่ผ่านมา ผู้ป่วยรายใหม่อยู่ในนิวยอร์ก อังกฤษ และเบลเยียม เป็นหลัก ขณะที่สถานการณ์ในสเปนก็ยังน่าวิตก โดยทางองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้สหรัฐฯ และจีนร่วมมือกันแก้ปัญหาดังกล่าว ก่อนที่การแพร่ระบาดจะร้ายแรงไปกว่าเดิม
ภาวะตลาดวานนี้
– เบอร์นี แซนเดอร์ส ประกาศถอนตัวจากการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพปรับตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นกว่า 3% เนื่องจากตลาดคาดหวังเกี่ยวกับนโยบายประกันสุขภาพที่คุ้มครองชาวอเมริกันถ้วนหน้า หุ้นที่ปรับตัวขึ้นนำตลาดประกอบด้วย หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์พุ่งขึ้น 7.98% และหุ้นเอชซีเอเฮลธ์แคร์พุ่งขึ้น 9.58% เป็นต้น สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นเช่นกันจากความคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปที่จะได้ข้อตกลงเร็วๆ นี้
– ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังที่กลุ่ม OPEC และรัสเซียจะลดกำลังการผลิตในเร็วๆ นี้ หลังปริมาณน้ำมันดิบเริ่มล้นตลาด ด้านราคาทองคำปรับขึ้นเล็กน้อยจากการที่นักลงทุนเริ่มชะลอการซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังตลาดหุ้นเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง
สหรัฐฯ
– Dow 30 อยู่ที่ 23433.57 เพิ่มขึ้น 779.71 (3.44%)
– S&P 500 อยู่ที่ 2749.98 เพิ่มขึ้น 90.57 (3.41%)
– Nasdaq อยู่ที่ 8090.9 เพิ่มขึ้น 203.64 (2.58%)
ยุโรป
– DAX อยู่ที่ 10332.89 ลดลง -23.81 (-0.23%)
– FTSE 100 อยู่ที่ 5622.03 ลดลง -82.42 (-1.44%)
– Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 2851.27 ลดลง -6.4 (-0.22%)
– FTSE MIB อยู่ที่ 17380.82 ลดลง -30.9 (-0.18%)
.
เอเชีย
– Nikkei 225 อยู่ที่ 19353.24 เพิ่มขึ้น 403.06 (2.13%)
– S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5206.9 ลดลง -45.4 (-0.86%)
– Shanghai อยู่ที่ 2815.37 ลดลง -5.39 (-0.19%)
– SZSE Component อยู่ที่ 10386.55 ลดลง -42.37 (-0.41%)
– China A50 อยู่ที่ 12848.24 ลดลง -80.28 (-0.62%)
– Hang Seng อยู่ที่ 23970.37 ลดลง -282.92 (-1.17%)
– Taiwan Weighted อยู่ที่ 10137.47 เพิ่มขึ้น 141.08 (1.41%)
– SET อยู่ที่ 1205.77 ลดลง -9.18 (-0.76%)
– KOSPI อยู่ที่ 1807.14 ลดลง -16.46 (-0.9%)
– IDX Composite อยู่ที่ 4626.7 ลดลง -151.94 (-3.18%)
– BSE Sensex อยู่ที่ 29893.96 ลดลง -173.25 (-0.58%)
– PSEi Composite อยู่ที่ 5510.83 ลดลง 0 (0%)
Commodity
– ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 26.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.77 (7.18%)
– ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 33.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.21 (3.74%)
– ราคาทองคำ อยู่ที่ 1647.56 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง -1.28 (-0.08%)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters