×

คีเลียน เอ็มบัปเป้ นักเตะฝรั่งเศสที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก เมื่อครอบครัวคือพื้นฐานสำคัญ

02.07.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 MINS READ
  • คีเลียน เอ็มบัปเป้ เกิดในครอบครัวคนกีฬา พ่อของเขา ‘วิลเฟรด เอ็มบัปเป้’ สอนให้ลูกชายรู้จักฟุตบอลตั้งแต่ 6 ขวบ และผลักดันให้เอ็มบัปเป้เข้าสู่เส้นทางการเป็นนักฟุตบอลเยาวชนของเอเอส บอนดี ในปี 2004 ส่วนแม่และพี่ชายก็เป็นนักกีฬาแฮนด์บอลและฟุตบอลเช่นกัน
  • เอ็มบัปเป้รักและหลงใหลกีฬาฟุตบอลมากๆ ในหัวของกองหน้าวัย 19 ปีมีแต่คำว่าฟุตบอลมาตั้งแต่เด็กๆ ถ้าไม่ได้ลงเล่นในสนามก็จะนั่งเล่นวิดีโอเกมฟุตบอลในบ้าน และเปลี่ยนห้องรับแขกให้เป็นสนามฟุตบอล
  • กลายเป็นนักฟุตบอลฝรั่งเศสที่มีค่าตัวสูงสุดในโลกลูกหนัง และเป็นนักฟุตบอลที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากเนย์มาร์ เมื่อย้ายมาร่วมทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในฤดูกาล 2017/2018 ที่ผ่านมาด้วยค่าตัวรวมราว 180 ล้านยูโร

ในคืนที่สปอตไลต์ไม่หันไปสาดแสงส่องที่ลิโอเนล เมสซี หรือคริสเตียโน โรนัลโด เหมือนเคย อนุมานได้ว่าเบื้องบนคงลิขิตให้ ‘คีเลียน เอ็มบัปเป้’ โกลเดนบอยเลือดน้ำหอม วัย 19 ปี ก้าวขึ้นมารับไม้ต่อจากยอดดาวเตะรุ่นพี่ทั้งสองคนเอาไว้แล้ว…

 

หลังโชว์ฟอร์มแกร่งเกินวัยในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม C จนเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดด้วยวัย 19 ปี 183 วัน ที่ทำประตูได้ในฟุตบอลโลกหนนี้ เอ็มบัปเป้ยังสำแดงเดชต่อเนื่อง ฉีกกระชากแนวรับทีมชาติอาร์เจนตินาจนขาดวิ่น พร้อมยิง 2 ประตูช่วยให้ฝรั่งเศสเอาชนะฟ้าขาวไป 4-3 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

 

นอกจากจะออกตั๋วให้เมสซีและผองเพื่อนกลับบ้านไปพักร้อนก่อนกำหนดเสร็จสรรพ ก็ยังส่งตัวเองไปเป็นดาวรุ่งคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ลูกหนังที่ยิงประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้มากกว่า 2 ลูกใน 1 แมตช์ หลังคนล่าสุดที่ทำได้คือ ‘ไข่มุกดำ’ เปเล่ ตำนานทีมชาติบราซิลในฟุตบอลโลก 1958 ที่สวีเดน

 

4 ปีที่แล้ว ฟุตบอลโลก 2010 ที่บราซิล ชื่อของเด็กหนุ่มลูกครึ่งแคเมอรูน-แอลจีเรีย (เกิดในฝรั่งเศส) ยังไม่เป็นที่รู้จักเลยด้วยซ้ำ

 

ทำไมชื่อของหนุ่มน้อยจากย่านบอนดี ชานเมืองปารีส จึงถูกพูดถึงไปท่ัวโลกในชั่วข้ามคืน เบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เล่นหมายเลข 10 ของทัพเลส์ เบลอส์ โดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 1,460 วันคืออะไร

 

 

พื้นฐานครอบครัวที่ดีช่วยหล่อหลอมให้เมล็ดพันธ์ุเติบโตได้อย่างงดงาม

ว่ากันว่าพืชผลที่ออกดอกผลิใบงอกงามคือผลพวงจากการประคบประหงมและการดูแลเอาใจใส่ที่ดีตั้งแต่สมัยที่มันยังเป็นเมล็ดพันธ์ุ

 

มนุษย์เองก็เช่นกัน พื้นฐานทางครอบครัวที่ดีมีส่วนไม่น้อยที่ช่วยให้ยอดกองหน้าดาวรุ่งวัย 19 ปีเติบโตขึ้นมาอย่างมีศักยภาพ พร้อมเป้าหมายในเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพที่แน่วแน่มาตั้งแต่เล็กๆ

 

วิลเฟรด เอ็มบัปเป้ พ่อบังเกิดเกล้าชาวแคเมอรูนของเอ็มบัปเป้ คือครูและโค้ชคนแรกที่สอนให้เขารู้จักการเล่นฟุตบอลตั้งแต่ 6 ขวบ แถมยังมีศักดิ์เป็นถึงอดีตโค้ชและผู้เล่นของสโมสรเอเอส บอนดี ทีมฟุตบอลเล็กๆ ในประเทศฝรั่งเศส

 

หลังแขวนสตั๊ด วิลเฟรดยังคงดำรงตำแหน่งในฐานะผู้อำนวยการกีฬาประจำสโมสร และเป็นผู้ที่ผลักดันให้ลูกชายวัย 6 ขวบก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นเยาวชนของเอเอส บอนดี ตั้งแต่ปี 2004 ก่อนใช้เวลาเคี่ยวกรำเมล็ดพันธ์ุจากบอนดีให้ออกผลเป็นนักฟุตบอลอาชีพศักยภาพสูงนานถึง 9 ปีเต็ม

 

ส่วนมารดาสัญชาติฝรั่งเศส-แอลจีเรีย เฟย์ซา ลามารี ก็มีอิทธิพลกับเอ็มบัปเป้ไม่น้อย เพราะมีดีกรีเป็นถึงอดีตนักกีฬาแฮนด์บอลประจำดิวิชัน 1 ลีกฝรั่งเศส

 

​ฉะนั้นวินัยและความมุมานะในฐานะการเป็นนักกีฬาอาชีพคือสองส่ิงที่วิลเฟรดและเฟย์ซาแทบจะใส่ปุ๋ย รดน้ำพรวนดิน ดูแลเอ็มบัปเป้อย่างเข้าใจมาตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นเด็กอยู่แล้ว

 

ไม่ใช่แค่พ่อและแม่เท่านั้น แต่พี่ชายนอกสายเลือดวัย 29 ปี จิเรส เคมโบ เอโคโค ก็ยังเป็นหนึ่งในไอดอลโลกลูกหนังที่ให้เอ็มบัปเป้ยึดถือเป็นแบบอย่างและคอยถามไถ่คำแนะนำที่มีประโยชน์มาโดยตลอด

 

เรดา ฮัมมาเช หนึ่งในหัวหน้าโค้ชที่ดึงตัวเอ็มบัปเป้เข้าสู่สโมสรโมนาโกในปี 2013 เชื่อว่าเคล็ดลับที่ทำให้ดาวรุ่งเลือดผสมฝรั่งเศส-แอลจีเรียและแคเมอรูนคนนี้เติบโตมาเป็นเพชรแท้ที่กล้าแกร่งได้เพราะมีครอบครัวที่ดี

 

“ครอบครัวของเขามีวิธีการจัดการดูแลเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเขาอย่างมืออาชีพ นี่คือข้อได้เปรียบที่แท้จริงของเอ็มบัปเป้”

 

Photo: L’equipe

 

‘คริสเตียโน โรนัลโด’ หนึ่งในแบบอย่างและไอดอลที่เคารพรักของเอ็มบัปเป้

ฝาผนังห้องนอนของเอ็มบัปเป้เต็มไปด้วยรูปในอิริยาบถต่างๆ บนฟลอร์หญ้าของสตาร์ลูกหนังที่เขาเคารพรัก ‘คริสเตียโน โรนัลโด’

 

เอ็มบัปเป้เคยให้สัมภาษณ์กับมาร์กาไว้ก่อนแมตช์ที่จะพบกับเรอัล มาดริด ในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในฤดูกาลที่ผ่านมาไว้ว่า “เขาคือฮีโร่ในวัยเด็กของผม ผมชื่นชอบเขามากตอนที่ผมยังเด็กๆ คุณสามารถเรียนรู้จากเขาได้มากมาย ผู้ที่เป็นเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัย”

 

Photo: L’equipe

 

แต่เพราะเอ็มบัปเป้จะต้องลงแข่งกับทีมของโรนัลโดในวันนั้น เขาจึงให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าโรนัลโดไม่ใช่ไอดอลของเขาอีกต่อไปแล้ว

 

ในชีวิตการค้าแข้งของเอ็มบัปเป้ เขานับถือนักฟุตบอลหลายๆ คนเป็นเหมือนครูบาอาจารย์ของตัวเอง ทั้งเอดินสัน คาวานี ดาวยิงรุ่นพี่ทีมชาติอุรุกวัยร่วมสังกัด หรือแม้แต่เนย์มาร์ สตาร์ลูกหนังจากเซเลเซา

 

อันโตนิโอ ริคคาร์ดี โค้ชและพี่เลี้ยงของเอ็มบัปเป้ เล่าว่าดาวรุ่งวัย 19 ปีมีไอดอลลูกหนังที่เก่งกาจอยู่หลากหลายคน และก็ไม่ได้ติดตามทีมใดเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษ

 

 

เล่นฟุตบอลเพราะใจรัก มอบจิตวิญญาณให้เพราะหลงใหล

BBC นิยามเอ็มบัปเป้ว่าเป็นผู้เล่นและมนุษย์ที่เกิดมาเพื่อฟุตบอลอย่างแท้จริง

 

ถ้าฟังจากคำให้สัมภาษณ์ของ แอตมาน เอฮูช ประธานสโมสรเอเอส บอนดี ก็จะทราบทันทีว่า BBC ไม่ได้กล่าวอ้างเกินความเป็นจริงเลยแม้แต่น้อย

 

เอฮูชบอกว่า “คุณอาจจะพูดได้เต็มปากนะว่าเอ็มบัปเป้เกิดที่สโมสรแห่งนี้ (เอเอส บอนดี) เขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เล็กๆ ในสมัยที่พ่อของเขายังเป็นผู้เล่นและโค้ช เขาได้ร่ำเรียนวิชาลูกหนังตั้งแต่ยังเดินไม่คล่องเลยด้วยซ้ำ

 

“เมื่อเราต้องลงแข่ง ทุกๆ เกมก่อนจะเริ่มเขี่ยบอล คุณจะเห็นเด็กชายวัย 2 ขวบเดินมาพร้อมกับใช้สองเท้าเล็กๆ เลี้ยงลูกฟุตบอล พร้อมนั่งฟังช่วงประชุมทีมกับเรา เขาเกิดมาเพื่อฟุตบอลและกีฬา”

 

จากคำบอกเล่าของอันโตนิโอ ริคคาร์ดี โค้ชของเอ็มบัปเป้ในช่วงที่เป็นผู้เล่นเยาวชนชุดต่ำกว่า 13 ปีให้เอเอส บอนดี บอกว่าแค่เพียงได้เห็นเด็กน้อยจากบอนดีลงเล่นครั้งแรกก็สัมผัสได้ถึงความต่างจากเด็กคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกันทันที

 

“ผมนับถือพ่อของเขาเป็นเหมือนพ่อคนที่สองของผม ฉะนั้นผมจึงรู้จักเอ็มบัปเป้ตั้งแต่ที่เขายังเด็กๆ ครั้งแรกที่ผมได้สอนเขาคือตอนที่เขาอายุ 6 ขวบ หลังจากนั้นไม่นานเขาได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับทีมเยาวชน และคำเดียวที่คุณจะพูดได้คือเขาต่างจากคนอื่นๆ

 

“เอ็มบัปเป้สามารถทำได้ดีกว่าเด็กคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกัน ลีลาการเลี้ยงของเขาสุดยอดมาก แถมเขาก็ยังปราดเปรียวกว่าคนอื่นๆ เสียอีก”

 

ริคคาร์ดีบอกว่า “เราไม่ได้ผลักดันให้เขาลุ่มหลงฟุตบอลเลยนะ ตัวเขาเองแหละที่พาตัวเองเข้าไปหาฟุตบอล มันคือทั้งชีวิตของเขา เมื่อเขาตื่นมาก็คิดถึงแต่ฟุตบอล กินฟุตบอลเป็นอาหาร ใช้ชีวิตอยู่กับฟุตบอล ทั้งในและนอกโรงเรียนของเขามีแต่ฟุตบอล”

 

ในหัวของเอ็มบัปเป้คิดถึงแต่เรื่องเดียวคือการได้เล่นฟุตบอล ริคคาร์ดีผู้ที่เป็นทั้งโค้ชและพี่เลี้ยงให้กับเจ้าตัวในสมัยที่ยังเป็นเด็กเล่าว่า ถ้าไม่ได้เล่นฟุตบอลบนสนามหญ้า สิ่งเดียวที่เอ็มบัปเป้ขอคือแค่ได้เล่นวิดีโอเกมฟุตบอลในเครื่องเพลย์สเตชัน

 

และถ้าไม่ได้เล่นเกมฟุตบอลบนเครื่องคอนโซลอีก เขาก็พร้อมจะดื้อแพ่งเปลี่ยนห้องรับแขกในบ้านให้กลายเป็นสนามฟุตบอลทันที!

 

“แม้แต่ในห้องรับแขกเขาก็ยังจะเล่นฟุตบอล! โซฟาและโต๊ะพร้อมจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นปากประตู เขามักจะบอกผมว่า ‘อย่าบอกแม่และพ่อเลยนะ ทั้งคู่ไม่อยากให้ผมเล่นฟุตบอลในบ้าน อย่าบอกนะขอร้อง’ ฉะนั้นเราก็เลยได้เล่นฟุตบอลกันในห้องนั่งเล่นโดยมีผมเป็นผู้เก็บความลับ โชคดีนะที่ผมยังไม่ได้ทำความลับนี้รั่วไหล” ริคคาร์ดีเล่า

 

ทั้งเอฮูชและริคคาร์ดียืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าเอ็มบัปเป้แน่วแน่และคิดถึงแต่เรื่องฟุตบอลอย่างเดียวเท่านั้น จึงทำให้เขาไม่วอกแวกหลงระเริงไปกับแสงสีและชื่อเสียงนอกสนามจนหลุดโฟกัสจากการทำผลงานในสนามให้ดี

 

หลักฐานหนึ่งที่ยืนยันได้ชัดเจนถึงความรักที่เด็กหนุ่มวัย 19 ปีมีให้กับฟุตบอลคือในช่วงปี 2016 ที่ทีมชาติฝรั่งเศสชุดอายุต่ำกว่า 19 ปีเอาชนะทีมชาติอิตาลีในรายการยูโรอายุต่ำกว่า 19 ปีและคว้าแชมป์ได้สำเร็จ เขาเลือกที่จะตรงดิ่งกลับบ้านไปพักผ่อนแทนที่จะออกไปแฮงเอาต์ฉลองกับเพื่อนๆ

 

เรื่องวินัยนอกสนามเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะถ้าย้อนไปดูประวัติเก่าๆ ของอดีตดาวรุ่ง (ริ่ง) ลูกหนังหลายคนในวงการก็จะเห็นจุดร่วมเดียวกันที่ทำให้พวกเขาไปไม่ถึงฝั่งฝัน นั่นคือการหลวมตัวและหลงแสงสีจนเตลิดหาทางกลับมายังวงโคจรเดิมไม่ได้อีกเลย

 

 

แจ้งเกิดกับโมนาโกและย้ายไปปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติสูงสุดของนักฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส

หลังเจิดจรัสฉายแววเก่งแซงหน้าเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกันจนถูกสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปจับจ้องกันเป็นแถวๆ รวมถึงเรอัล มาดริด และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ในที่สุดเอ็มบัปเป้ก็เลือกย้ายออกจากเอเอส บอนดี มาอยู่กับสโมสรโมนาโกในปี 2013 ในฐานะผู้เล่นเยาวชนด้วยอายุเพียง 14 ปีเท่านั้น

 

เอ็มบัปเป้ใช้เวลานานถึง 2 ปีเต็มจนได้รับโอกาสสอดแทรกขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในที่สุด

 

ด้วยวัยเพียง 16 ปี 347 วัน เขาคือผู้เล่นอายุน้อยที่สุดของโมนาโกในเวลานั้นที่ได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงในทีมชุดใหญ่ ทำลายสถิติเดิมของตำนานรุ่นพี่ ‘ติตี้’ เธียร์รี อองรี ที่ได้ลงเล่นในช่วงอายุ 21 ปี

 

ถ้าบอกว่าฤดูกาลแรกของเขากับทีมดังในลีกเอิงคือความฝัน ฤดูกาลถัดมา 2016-17 คงเปรียบได้ดั่งปรากฏการณ์ที่เจ้าตัวได้สร้างไว้ก่อนอำลาทีมอย่างยิ่งใหญ่

 

เอ็มบัปเป้ลงเล่นในฤดูกาลดังกล่าวไปทั้งหมด 44 นัด ยิงได้ถึง 26 ประตู (เป็นรองเพียงแค่ราดาเมล ฟัลเกา ที่ยิงไป 30 ประตูเท่านั้น) แบ่งเป็น 15 ประตูในลีก และอีก 6 ประตูในเวทียุโรป (ที่เหลือนับเป็นประตูในรายการถ้วยต่างๆ ในฝรั่งเศส) พร้อมพาโมนาโกทะลุเข้าไปไกลได้ถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนพ่ายให้กับยูเวนตุสไปอย่างน่าเสียดาย

 

ฤดูกาลถัดมา ถึงจะมีกระแสข่าวลือว่าเอ็มบัปเป้อาจย้ายไปร่วมทีมราชันชุดขาวภายใต้การกุมบังเหียนของซีเนดีน ซีดาน แต่เจ้าตัวก็สร้างเซอร์ไพรส์เหนือความคาดหมายด้วยการย้ายไปร่วมทีมคู่ปรับร่วมลีกอย่างปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยสัญญายืมตัว พร้อมพ่วงสัญญาซื้อขาดมูลค่ากว่า 145 ล้านยูโร (บวกโบนัสอีก 35 ล้านยูโร) รวมเป็นเงินราว 180 ล้านยูโร หรือ 6.9 พันล้านบาท

 

 

มูลค่าเงินที่สูงขนาดนี้เพียงพอจะทำให้ดาวเตะวัย 19 ปีกลายเป็นผู้เล่นสัญชาติฝรั่งเศสที่มีค่าตัวแพงที่สุด และแพงที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก เป็นรองเพียงแค่เพื่อนร่วมทีมรุ่นพี่อย่างเนย์มาร์เท่านั้น (222 ล้านยูโร)

 

แม้ฤดูกาลแรกของเอ็มบัปเป้จะไม่สวยหรูเท่าที่ควร สืบเนื่องจากการถูกถ่างออกไปเล่นกราบขวาและการตกรอบรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกก่อนกำหนด แต่ผลงานโดยรวมก็ไม่ได้แย่เท่าไร ลงเล่นไปทั้งหมด 44 นัด ยิงไปทั้งหมด 21 ประตู แถมคว้าแชมป์ได้ 3 โทรฟี ลีกเอิง, เฟรนช์คัพ และคูป เดอ ลา ลีก


ต้องยอมรับว่าเอ็มบัปเป้ยังมีอนาคตที่สวยงามในเวทีลูกหนังปูทางรอไว้อยู่ ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวจะนำโอกาสที่ได้มาก่อร้างสร้างเป็นผลงานที่โดดเด่นได้แค่ไหนในอาชีพการค้าแข้ง

 

Photo: @NabyRoIe (twitter)

 

ผลสัมฤทธิ์ของการเคี่ยวกรำและการเอาใจใส่ที่ดี สู่เส้นทางสวยหรูในฟุตบอลโลกที่รัสเซีย

ตลอด 5-10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่หมดยุคทองของยอดดาวเตะบราซิล โรนัลโด R9 และอองรีไป ดูเหมือนจะไม่มีใครขึ้นมาทดแทนตำนานกองหน้าสุดคลาสสิกทั้งสองคนได้อีกเลย (ไม่นับรวมเมสซีและโรนัลโด (โปรตุเกส))

 

แต่ทันทีที่ใครหลายคนได้เห็นลีลาการกระชากลากเลื้อยและความปราดเปรียวของเอ็มบัปเป้บนสนามหญ้าซ้ำไปซ้ำมาจนติดตา ผู้คนส่วนใหญ่ก็พลันอดนึกถึงโรนัลโดและอองรีไม่ได้

 

แม้แต่ตัวโรนัลโดเองก็ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยตัวเองกับ SFR Sport ว่าเอ็มบัปเป้ดูเหมือนเขามากๆ ตอนที่ลงเล่นในสนาม

 

ส่วนชาบี เอร์นานเดซ ตำนานกองกลางจอมทัพทีมชาติสเปนและสโมสรบาร์เซโลนาเชื่อเช่นกันว่า หมดจากยุคเมสซีและโรนัลโดก็จะเป็นเอ็มบัปเป้และเนย์มาร์ที่ขึ้นมาแทนยอดดาวเตะทั้งสองคน แต่มองว่าเอ็มบัปเป้ยังต้องพัฒนาทักษะการตัดสินใจและการเข้าใจเกมอีกพอสมควร

 

“ยุคของเนย์มาร์จะเกิดขึ้นในช่วง 3-4 ปี แล้วหลังจากนั้นก็จะถึงช่วงของเอ็มบัปเป้ เขามีศักยภาพที่สูงและยังเด็กอยู่ด้วย เขาเพิ่งจะอายุได้แค่ 19 ปีเอง เขาคือปีศาจชัดๆ แต่ผมคิดว่าสำหรับนักฟุตบอลที่ดี ความสามารถต้องมาก่อนลักษณะทางกายภาพนะ ซึ่งสำหรับเนย์มาร์ ผมมองว่าเขาเพียบพร้อมทั้งสองอย่าง แต่กับเอ็มบัปเป้ ผมคิดว่าเขามีโครงสร้างด้านร่างกายที่ดีแซงทักษะไปเล็กน้อย

 

“ผมมองเขาคล้ายกับเธียรี อองรี เอ็มบัปเป้ยังต้องพัฒนาความเข้าใจเกมอีกพอสมควร เพราะเมื่อคุณเป็นเด็ก คุณไม่จำเป็นต้องคิดอะไร คุณแค่ใช้พละกำลังและความเร็วเพื่อสร้างความแตกต่าง ซึ่งในจุดนี้เองที่ทำให้เนย์มาร์ยังเป็นผู้เล่นที่ดีกว่าเขาอยู่”

 

60 ปีที่แล้ว โลกมนุษย์ได้รู้จักเปเล่ในฐานะยอดดาวรุ่งทีมชาติบราซิลวัย 18 ปีที่ยิงประตูในฟุตบอลโลก 1958 ที่สวีเดนได้รวม 6 ลูก พร้อมส่งบราซิลคว้าแชมป์สมัยแรกของประเทศได้สำเร็จ

 

ปีนี้เอ็มบัปเป้อายุแค่ 19 ปี ลงเล่นในฟุตบอลโลก 2018 ไปทั้งสิ้น 4 นัด ยิงได้ 3 ประตู ยังมีโอกาสที่จะแซงหน้าเปเล่และนำถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกที่ห่างหายจากประเทศไปนานถึง 30 ปีเต็มกลับคืนสู่ประเทศได้อีกครั้ง

 

คงไม่เร็วเกินไปนัก หากเราจะบอกว่าดาวเตะวัย 19 ปีผู้นี้ไม่ใช่ทั้ง ‘นิวอองรี’ ‘นิวโรนัลโด’ หรือแม้แต่ ‘นิวคริสเตียโน โรนัลโด’ เพราะเขาได้ประกาศตัวเองให้โลกรู้จักในชื่อเอ็มบัปเป้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี่คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการเอาใจใส่และความพิถีพิถันในทุกๆ กระบวนการการเคี่ยวกรำ

 

ส่วนจะพาทีมชาติฝรั่งเศสไปได้ถึงแชมป์และสร้างชื่อในฐานะยอดผู้เล่นทัพตราไก่ได้มากน้อยแค่ไหน เราคงต้องมาคอยลุ้นเอาใจช่วยเขาไปด้วยกัน

 

อ้างอิง

 

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising