×

เอ็นโกโล ก็องเต กองกลาง 15 ปอด ต้นแบบของความพยายามที่เคยขี่สกูตเตอร์ไปซ้อมฟุตบอลทุกวัน

15.07.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins. Read
  • เอ็นโกโล ก็องเต กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสวัย 27 ปี เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแย่งบอลจากเท้าคู่แข่ง โดดเด่นด้วยสไตล์การวิ่งพล่านไม่มีหมด คอยดักทำลายจังหวะการทำเกมรุกของทีมตรงข้าม จนได้รับการขนานนามว่า ‘มิดฟิลด์ 15 ปอด’
  • คุณพ่อและคุณแม่อพยพจากมาลีมาตั้งรกรากในฝรั่งเศสเมื่อปี 1980 ในช่วงวัยเด็ก ก็องเตเติบโตในย่าน Rueil-Malmaison และเริ่มเข้าสู่การเป็นนักฟุตบอลเยาวชนตอน 8 ขวบ มักจะขี่สกูตเตอร์ไปซ้อมฟุตบอลขึ้น-ลงทางลาดชันเป็นประจำ
  • ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักฟุตบอลที่มองประโยชน์ของทีมเป็นสำคัญ ไม่เห็นแก่ตัว และมุ่งมั่นจะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพื่อนร่วมทีมหลายคนจึงออกมาแซ่ซ้องว่าก็องเตช่วยให้พวกเขาเล่นฟุตบอลกันสะดวกโยธิน

ถึงคุณจะไม่ได้เชียร์ฝรั่งเศสหรือเอาใจช่วยให้เชลซีประสบความสำเร็จ แต่เชื่อเถอะว่า ‘เอ็นโกโล ก็องเต’ คือนักฟุตบอลที่คุณจะต้องหลงรักและอยากให้ทีมโปรดของตัวเองมีผู้เล่นสไตล์นี้ติดทีมไว้สักคน

 

แม้ไม่ได้มีทักษะการเลี้ยงหลบแหวกกระชากลากเลื้อยหนีคู่แข่งเหมือนลิโอเนล เมสซี ไม่มีความเร็วของข้อเท้าและสัญชาตญาณการถล่มประตูทัดเทียมโรนัลโด หรือมีลีลาลูกหนังที่แพรวพราวคล้ายเนย์มาร์ แต่ก็องเตก็มีพรสรรรค์ในแบบของตัวเองที่ยากจะหาใครมาทดแทน

 

พรสวรรค์ที่ว่าคือการสกรีนปัดกวาดบอลในเกมรับ คอยตอดคอยแซะวิ่งไล่แย่งบอลจากเท้าของคู่แข่ง สกัดกั้นไม่ให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามพาบอลไปถึงบริเวณอันตราย และช่วยอำนวยความสะดวกให้เพื่อนร่วมทีมเล่นกันได้ง่ายขึ้น จน เอเดน อาซาร์ เพื่อนร่วมทีมเชลซีเคยกล่าวไว้ว่า “เล่นกับก็องเตก็เหมือนเล่นกับฝาแฝด (มี 2 คนในคนเดียว)”

 

สิ่งที่ก็องเตสนใจเพียงอย่างเดียวคือ การทำผลงานในสนามและช่วยทีมให้ชนะ เขาไม่เคยทำตัวโดดเด่นบนโลกโซเชียลมีเดียหรือเรียกร้องให้สปอตไลต์ต้องหันมาฉายแสงผ่าน แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าเขาสำคัญต่อทีมมากเพียงใด

 

หลังจบการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบแบ่งกลุ่มกับเปรู ที่ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 1-0 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา คู่หูในแดนกลางอย่าง พอล ป็อกบา เคยออกมาสดุดีกองกลางวัย 27 ผู้นี้ว่าช่วยให้เขาเล่นได้ง่ายขึ้น แถมยังเป็นมนุษย์ที่มี 15 ปอด!

 

“พวกเราเข้ากันได้ดีมากๆ เล่นกับเอ็นโกโลอะไรๆ ก็ง่ายขึ้น เขาวิ่งไปทุกที่ เขาต้องมี 15 ปอดแน่ๆ ฟุตบอลง่ายขึ้นเมื่อมีผู้เล่นอย่างเขา”

 

 

ลูคัส เอร์นานเดซ แบ็กซ้ายดาวรุ่งของทีมที่เพิ่งมีโอกาสได้ลงเล่นในนามทีมชาติร่วมกับก็องเตเป็นหนแรกๆ ก็บอกเช่นกันว่า “เอ็นโกโลน่ะเหรอ คุณจะเห็นเขาทุกที่ในสนาม มันคล้ายกับว่าเขาหลุดออกมาจากสนามหญ้าเลย! มันมหัศจรรย์จริงๆ ที่ได้เล่นร่วมกับเขา ผู้เล่นที่จะคอยแย่งบอลกลับมาให้ทีม”

 

10 ปากว่าย่อมไม่เท่าตาเห็น และการจัดเก็บสถิติต่างๆ ในโลกลูกหนังทุกวันนี้ก็แม่นยำพอที่จะเชื่อถือได้

 

ตัวเลขจากผู้ให้ข้อมูลสถิติในเกมฟุตบอลระบุว่า ก็องเตคือผู้เล่นที่แย่งบอลจากเท้าคู่แข่งได้ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของฟุตบอลโลกหนนี้ที่ 19 ครั้ง เป็นรองแค่ โรมัน ซอบนิน จากรัสเซียที่ทำได้มากกว่าที่ 20 ครั้งเท่านั้น

 

แรงบันดาลใจการเล่นฟุตบอลของก็องเตคือสิ่งใด อะไรคือเบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้มิดฟิลด์ตัวรับสัญชาติฝรั่งเศส-มาลีคนนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นหัวใจสำคัญของทุกทีมที่เขาลงเล่น

 

Photo: tribuna.com/chelsea

 

‘ขี่สกูตเตอร์ไปซ้อมฟุตบอลทุกวัน’ ความมานะอุตสาหะที่หล่อหลอมให้ก็องเตเติบใหญ่กลายเป็น ‘เหล็กกล้า’

พ่อแม่ของก็องเตเป็นผู้อพยพที่ย้ายถิ่นฐานจากประเทศมาลีในแอฟริกามาตั้งรกรากและเริ่มต้นละครชีวิตบทใหม่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี 1980 โดยเลือกอาศัยอยู่ในแฟลตเล็กๆ ย่าน Rueil-Malmaison

 

ในช่วงวัยเด็ก เขาเริ่มเข้าสู่เส้นทางลูกหนังตอนอายุ 8 ขวบ ด้วยการเป็นนักฟุตบอลเยาวชนให้กับทีมสมัครเล่น JS Suresnes ถึง 11 ปีเต็ม ก่อนที่จะย้ายเข้าสู่สโมสร Boulogne ทีมในลีกรองของประเทศฝรั่งเศส

 

จุดแข็งที่ก็องเตมีมาตั้งแต่สมัยยังเป็นดาวรุ่งคือการกัดแบบไม่มีปล่อย วิ่งตะบันไล่แย่งบอลจนวินาทีสุดท้าย

 

ครั้งหนึ่ง แม็กซิม โคลิน เพื่อนร่วมทีมสมัย Boulogne เคยออกมาบอกว่า ช่วงเวลาที่ทั้งคู่ยังค้าแข้งอยู่ด้วยกัน ก็องเตเคยเอาชนะการทดสอบสมรรถภาพทางร่ายกายและความทนทานได้เหนือเพื่อนร่วมทีมในรุ่นราวคราวเดียวกันทั้งหมด

 

“วันนั้นพวกเราต้องทดสอบการวิ่ง โจทย์คือคุณต้องวิ่งให้ได้นานที่สุดเท่าที่ศักยภาพคุณจะทำได้ และก็เป็นเขาที่ชนะการทดสอบในครั้งนั้น ก็องเตยังวิ่งไม่มีหมดหลังจากที่คนอื่นๆ หยุดกันแล้ว”

 

ถ้าถามว่าอะไรทำให้ร่างกายของก็องเตทรงประสิทธิภาพเหนือเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกัน นอกจากข้อได้เปรียบทางด้านร่างกายที่พระเจ้าเป็นผู้ประทานให้

 

คำตอบก็คือ ‘ความพยายาม’ และความมานะอุตสาหะของเจ้าตัวที่ไม่เคยร้องงอแงขอความช่วยเหลือจากใครตั้งแต่เล็กๆ ซึ่งทำให้เขาเติบใหญ่ขึ้นมาเป็น ‘เหล็กกล้า’ ที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมทุกรูปแบบ และไม่โอนอ่อนตามอุปสรรครอบตัว

 

“ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งผมเคยเห็นเขาขี่สกูตเตอร์ไปร้านขายของชำพร้อมกับถุงใบเล็กๆ เขาต้องการทำทุกอย่างด้วยตัวเอง” แม็กซิมเล่าเบื้องหลังชีวิตนักฟุตบอลเยาวชนของก็องเตในอีกแง่มุม เขาบอกต่อว่า “ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของ Boulogne เป็นเนินเขาที่สูงและชันมาก แต่ก็องเตก็ยังมาซ้อมฟุตบอลไม่เคยขาดด้วยการขี่สกูตเตอร์ และหากคุณเสนอจะไปส่ง เขาก็จะตอบว่าไม่ เขาจะไปด้วยตัวเอง”

 

เรื่องนี้ Piotr Wojtyna อดีตโค้ชของก็องเตก็ร่วมยืนยันได้ โดยบอกว่าเขาเป็นนักฟุตบอลที่กระหายในการพยายามพัฒนาตัวเองและใฝ่รู้อยู่เสมอ

 

“เขาเป็นเด็กที่เปิดกว้างจะได้รับการโค้ชมากๆ ทั้งข้อมูลแท็กติกและการยืนตำแหน่ง เขามักจะตั้งอกตั้งใจฟังผมสอนเป็นอย่างดี และการตัดสินใจในสนามของเขาก็ชาญฉลาดมากๆ ผมพยายามจะจับเขาให้ลงเล่นกับเด็กที่ฝีเท้าอ่อนที่สุด เพราะความพยายามในสนามของก็องเตจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า”

 

Photo: AFP

 

ด้วยส่วนสูงเพียง 1.68 เมตร และสไตล์การเล่นที่ไม่ได้หวือหวาโดดเด่นเหมือนผู้เล่นในเกมรุก ทำให้ชื่อเสียงของก็องเตไม่ได้โดดเด่นจนเตะตาแมวมองจากสโมสรชั้นนำในยุโรปเท่าที่ควร

 

แต่การทุ่มเทตั้งหน้าตั้งตาเล่นและทำหน้าที่ของตัวเองในสนามให้ดีที่สุด ก็ทำให้เมล็ดพันธุ์ความพยายามของก็องเตค่อยๆ ผลิดอกออกผลในที่สุด ได้ย้ายเข้าสู่สโมสรก็อง ทีมในศึกลีกเดอซ์ในอีก 3 ปีถัดมา (ดิวิชัน 2 ของประเทศช่วงเวลาดังกล่าว)

 

แม็กซิมบอกว่า “นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้สภาพจิตใจของก็องเตแข็งแกร่งสุดๆ เขามาจากทีมระดับล่างมากและขวนขวายทุกอย่างด้วยตัวเอง”

 

Photo: PLG Comps (Youtube)

 

จากนักฟุตบอลนอกสายตาของทีมในดิวิชัน 9 สู่ขุนพลจิ้งจอกเลสเตอร์ชุดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก

‘ทุกสิ่งในชีวิตเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน’ นี่คือสัจธรรมการใช้ชีวิตของมนุษย์ที่ถูกปลูกฝังจากรุ่นสู่รุ่น

 

ชีวิตการค้าแข้งของก็องเตก็เช่นกัน ใครจะไปรู้ว่าตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ลงเล่นให้กับก็อง อิทธิพลของมิดฟิลด์ตัวรับผู้นี้จะส่งผลให้ทีมได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกเอิงได้สำเร็จในช่วงท้ายฤดูกาล! ก่อนสร้างชื่อด้วยการทำสถิติเป็นผู้เล่นในยุโรปที่แย่งบอลกลับมาได้มากที่สุด จนสุดท้ายก็ได้โอกาสย้ายมาเล่นให้กับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ทีมในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาล 2015/2016 ด้วยค่าตัวราว 5.6 ล้านปอนด์

 

ย้อนกลับไปในวันนั้น แฟนเลสเตอร์ ซิตี้คงได้แต่เกาหัวแกรกๆ พลางนึกสงสัยว่าไอ้หมอนี้เป็นใคร ทำไมสโมสรถึงตัดสินใจดึงตัวเข้ามาร่วมทีม ทั้งๆ ที่แคนดิเดตที่น่าสนใจและเป็นที่รู้จักกว่าก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ

 

เพียงแค่ฤดูกาลเดียวและการลงเล่นในลีก 37 นัด ก็องเตก็รีดศักยภาพและพิสูจน์ฝีเท้าให้เห็นว่าเขามีดีแค่ไหน พร้อมพาทีมขึ้นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องยกเครดิตให้หัวจิตหัวใจผู้เล่นคนอื่นๆ ด้วย ที่มุ่งมั่นสมานสามัคคีจนทำให้ทีมประสบความสำเร็จ

 

หลังความสำเร็จสุดชื่นมื่น ก็องเตเลือกย้ายมาเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเชลซีในฤดูกาลถัดมาด้วยค่าตัวราวๆ 32 ล้านปอนด์ ทำกำไรให้กับ ‘The Foxes’ ถึง 471% แต่ถ้าย้อนเวลาได้ เลสเตอร์คงไม่อยากปล่อยเขาออกจากทีมแน่นอน เพราะแค่ฤดูกาลเดียวก็เห็นผลได้ทันตาว่าทีม ‘ยวบ’ ลงแค่ไหน ประหนึ่งว่าถูกผ่าตัดเอากระดูกสันหลังของทีมออกไปก็ว่าได้

 

ที่สำคัญเวทมนตร์และการวิ่งห้อตะบันไม่มีเหนื่อยของก็องเตยังดลบันดาลให้เชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2016/2017 ได้สำเร็จ

 

ครั้งหนึ่งในช่วงที่ ฟิล เนวิลล์ อดีตผู้เล่นของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รับหน้าที่เป็นกูรูให้กับสำนักข่าว BBC Sport เขาเคยนิยามก็องเตไว้ว่าเป็นเหมือน ‘บุคคลที่ถักทอและร้อยเรียงเชลซีเข้าด้วยกัน’

 

“ผมเคยคิดว่าเขาเป็นผู้เล่นเบอร์ 6 เหมือน โคลด มาเกเลเล แต่เขาเป็นทั้งผู้เล่นเบอร์ 6 เบอร์ 8 และเบอร์ 10 เขาเล่นได้อย่างสมบูรณ์แบบในทุกๆ ตำแหน่ง

 

“ผมเคยเล่นกับ รอย คีน หนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาก่อน เขาจะเป็นคนที่คอยสกัดกั้นบอลหน้าแผงแบ็กโฟร์ จ่ายบอล และขึ้นไปช่วยทำเกมรุก ผมคิดว่าก็องเตนี่แหละคือกองกลางที่รอบด้านและสมบูรณ์แบบที่สุดในพรีเมียร์ลีกยุคนี้”

 

Photo: The Sun

 

รู้จักหาทางหนีทีไล่และถ่อมตนอยู่เสมอ คติประจำใจลำดับต้นๆ ของก็องเต

เพราะก็องเตเริ่มต้นเส้นทางการค้าแข้งกับทีมเล็กๆ ในดิวิชัน 9 ทำให้ตัวเขาเองรู้จักวางแผนสำรองในชีวิตอยู่เสมอ เพราะไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่าเขาจะโชคร้ายต้องหันหลังให้การเป็นนักฟุตบอลอาชีพในวันใด

 

จุดนี้เองที่ทำให้ก็องเตให้ความสำคัญกับการเล่าเรียนไม่แพ้การวิ่งเล่นฟุตบอลบนสนามหญ้า

 

“ช่วงนั้นผมยังไม่ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ ฉะนั้นผมเลยตั้งใจเรียน เพราะผมไม่รู้เลยว่าผมจะก้าวขึ้นมาใช้ชีวิตในฐานะนักฟุตบอลได้ไหม ตอนที่ผมอายุ 18 ปี ผมจบการศึกษาในระดับ Baccalaureate (คล้ายๆ มัธยมปลาย) หลังจากนั้นผมก็เรียนต่อด้านบัญชีอีก 2 ปี

 

“พอขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ ผมก็เลยพักการเรียนไป แต่ผมก็ได้รับวุฒิที่จะสอบเป็นนักบัญชีได้นะ เพียงแต่ตอนนี้ผมเลือกที่จะสนใจฟุตบอลมากกว่า”

 

ความถ่อมตนและความมัธยัสถ์ของก็องเตยังพิสูจน์ได้จากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เรียบง่ายติดดิน โดยเฉพาะการเลือกขับรถมินิคูเปอร์แทนที่จะเป็นรถสปอร์ตรูปทรงโก้หรูที่นักฟุตบอลคนอื่นๆ ในวัยไล่เลี่ยนิยมกัน แม้จะได้รับค่าเหนื่อยมากกว่า 120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือราว 5.3 ล้านบาทก็ตาม

 

“ผมไม่ใช่คนที่รักหรือหลงใหลรถเป็นพิเศษ ตอนที่ผมเด็กๆ ผมไม่ได้มีความฝันอะไรเกี่ยวกับรถในทำนองนั้นเลย

 

“แต่เจ้ามินิของผม ตั้งแต่ที่เริ่มแรก มันเป็นรถที่ยอดเยี่ยมสำหรับการฝึกขับ ผมได้รับมันตอนที่ย้ายมาเลสเตอร์ และทุกวันนี้ผมก็ยังใช้มันอยู่ มันดีมากๆ เลย”

 

 

‘นายต้องเล่นฟุตบอลให้เปลืองแรงน้อยลง’ คำแนะนำจากตำนานรุ่นพี่

จากผลงานที่เอกอุทั้งในนามทีมชาติและในสโมสร เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้เลยที่ก็องเตจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับตำนานรุ่นพี่อย่างมาเกเลเล เพียงแต่สไตล์ของรุ่นน้องอาจจะดู ‘บู๊’ กว่า

 

ในขณะที่สมัยยังค้าแข้ง มาเกเลเลจะหนักไปทางสาย ‘บุ๋น’ ไม่เน้นพละกำลังในการเล่น แต่ใช้มันสมองและวิชันการอ่านเกมที่เด็ดขาดเข้าทำลายเกมรุกคู่ต่อสู้

 

เมื่อปี 2017 มาเกเลเลเคยออกมาให้สัมภาษณ์ถึงรุ่นน้องว่า ก็องเตเป็นนักฟุตบอลที่เขาโปรดปรานมากและอยากอวยพรให้มิดฟิลด์วัย 27 ปีคนนี้มีเส้นทางในอาชีพการค้าแข้งที่สดใสและไปไกลกว่าตน พร้อมยังให้คำแนะนำดีๆ ที่ก็องเตอาจจะเลือกนำไปปรับใช้กับสไตล์การเล่นของตัวเอง

 

“สิ่งที่ทำให้ผมชอบเขา คือการที่เขาเป็นผู้เล่นที่เอื้อเฟื้อกับคนอื่นๆ เขาลงเล่นพร้อมรอยยิ้มเสมอ นั่นคือคุณภาพที่โดดเด่นของก็องเต ผมหวังว่าเขาจะต้องมีเส้นทางอาชีพการค้าแข้งที่ดีกว่าผม แต่เขายังต้องพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำในสนาม

 

“ไม่ได้หมายความว่าให้เขามาเป็นกัปตันทีมนะ แต่ผมหมายถึงออร่าความเป็นผู้นำ ที่ทุกครั้งเวลาผู้เล่นคนอื่นหันมามองที่เขาแล้วทุกคนต้องรู้สึกได้ว่าทีมจะต้องชนะ เมื่อไรก็ตามที่เขามีออร่าที่ว่านี้ เขาจะเป็นผู้เล่นคนพิเศษแน่นอน

 

“เขาเป็นผู้เล่นที่ดี ยากมากๆ ที่จะหาใครวิ่งพล่านในสนามได้เหมือนเขา เขาเล่นเพื่อคู่หูของเขา เป็นคนที่น่าเหลือเชื่อมากๆ ทั้งฉลาดและจริงจัง แต่มันอาจจะยากไปเสียหน่อยเมื่อเขาแก่ตัวลง เขาจะวิ่งแบบนี้ไม่ได้ตลอด 90 นาที วันหนึ่งเขาจะต้องเปลี่ยนสไตล์การเล่นของตัวเอง เลือกใช้สติปัญญาให้มากขึ้น และเลือกวิ่งให้น้อยลง”

 

มาเกเลเลบอกว่า การเข้าใจขีดจำกัดด้านพละกำลังของตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ สำหรับก็องเต เพื่อที่เขาจะลงเล่นในเกมระดับสูงได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

ด้านก็องเตก็ออกมาตอบตามสไตล์ของเขาว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ได้รับคำแนะนำจากตำนานระดับมาเกเลเล แต่ตนก็บอกไม่ได้ว่าจะปรับรูปแบบการเล่นของตัวเองหรือไม่

 

“ผมต้องรับฟังเขาและพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด แต่ก็บอกไม่ได้ว่าผมจะทำตามที่ทุกคนต้องการให้ผมทำหรือไม่ แต่มันเป็นเรื่องที่ดีนะที่ได้รับคำแนะนำจากผู้เล่นระดับเขา รวมถึงสตาฟฟ์และผู้จัดการสโมสรเชลซี ผมอยากพัฒนาตัวเอง และผมจะทำให้เต็มที่ที่สุดด้วย แต่ก็จะไม่กดดันตัวเองจนเกินไป”

 

ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง ก็องเตเคยถูกขนานนามให้เป็น ‘นิว มาเกเลเล’ รวมทั้งยังเป็นผู้เล่นในตำแหน่ง ‘มาเกเลเล’

 

เวลาผ่านไปไม่นาน ก็องเตได้พิสูจน์ให้วงการลูกหนังทั่วโลกได้เห็นแล้วว่า นอกจากเชื้อชาติและการเล่นในตำแหน่งเดียวกัน เขาอาจไม่มีอะไรคล้ายตำนานรุ่นพี่เลยพร้อมเดินออกมาจากร่มเงาของตำนานกองกลางตัวรับทีมชาติฝรั่งเศสในที่สุด

 

ไม่ว่าผลลัพธ์ในฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศคืนนี้จะเป็นอย่างไร สิ่งหนึ่งที่แฟนเลส์ เบลอส์น่าจะเบาใจและหายห่วงได้เลยคือ กองกลางร่างป้อมคนนี้พร้อมจะทุ่มเทใส่เต็ม 100% ยันสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้ายของผู้ตัดสินแน่นอน

 

ปัจจุบันก็องเตในวัย 27 ปี ถือว่ากำลังอยู่ในช่วงพีกสุดๆ ของอาชีพการค้าแข้ง สร้างสไตล์การเล่นในแบบของตัวเองจนได้รับการยกย่อง แม้พูดน้อย แต่ต่อยหนักและเข้าเป้าทุกหมัด ทั้งยังเป็นต้นแบบของความพยายามและบุคคลที่ประสบความสำเร็จจากการ ‘รักดี’

 

ถ้าอยากรู้ว่าความพยายาม และความพากเพียรไม่เคยทำร้ายใครจริงไหม

 

ก็องเตคือคำตอบที่ดีที่สุดของคำถามทั้งหมด

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising