×

ปม ‘ส.ต.ท.หญิง’ จากคดีทำร้ายร่างกาย สู่ข้อสงสัยใกล้ชิด ส.ว. ก่อนถูกสอบปมโอน-ย้าย-บรรจุราชการ

โดย THE STANDARD TEAM
26.08.2022
  • LOADING...

จากคดี ส.ต.ท.หญิง สังกัดตำรวจสันติบาล ทำร้ายร่างกายอดีตทหารหญิงรับใช้ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งมีการแจ้งความดำเนินคดีมาตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม จนถึงวันนี้ (26 สิงหาคม) ประเด็นของคดีข้างต้นถูกแตกแขนงเป็น ‘ข้อสงสัย’ หลายอย่างที่ยิ่งขุดก็ยิ่งเจอ ตั้งแต่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าซื้อวุฒิการศึกษา ถูกฝากเข้ามาบรรจุราชการตำรวจ และมีสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับสมาชิกวุฒสภา (ส.ว.) หรือไม่นั้น 

 

THE STANDARD รวบรวมข้อมูลข่าวที่เกี่ยวข้องกับ ‘ส.ต.ท.หญิง’ คนดังกล่าว มาสรุปให้เห็นว่าแต่ละปมที่ประชาชนต่างแคลงใจสงสัยนั้นมีอะไรบ้าง

 

จุดเริ่มต้นคดี ส.ต.ท.หญิง ทำร้ายร่างกายอดีตทหารหญิงรับใช้

 

วันที่ 18 สิงหาคม มีรายงานว่าอดีตทหารหญิงยศสิบโท อายุ 32 ปี เดินทางเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธร (สภ.) เมืองราชบุรี พร้อมหลักฐานถูกทำร้ายร่างกาย โดยกล่าวว่าเธอถูกนายจ้างซึ่งเป็นตำรวจหญิงและอ้างว่าเป็นภรรยาของ ส.ว. ท่านหนึ่ง ทำร้ายร่างกายตั้งแต่ใบหน้า ศีรษะ หู แขน หัวเข่า และข้อมือ ด้วยอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ไม้หน้าสาม ไปจนถึงเครื่องช็อตไฟฟ้า

 

ก่อนจะมีการเปิดเผยจากสื่อหลายสำนักว่า นายจ้างหญิงที่ถูกกล่าวหาข้างต้นคือ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม อายุ 43 ปี ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ก่อนโอนย้ายมาช่วยราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) 

 

โดยรายละเอียดความสัมพันธ์ระหว่าง ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ และอดีตทหารหญิงรับใช้ เกิดขึ้นเมื่อปี 2559 อดีตทหารหญิง ณ เวลานั้นเป็นพนักงานในร้านกาแฟ ถูกเชิญชวนให้เข้ามาเป็นทหาร โดยใช้วิธี ‘ฝาก’ เข้าไปฝึกเป็นทหาร จนในปี 2563 ผู้เสียหายถูกโอนออกจากหน่วยทหาร เพื่อมาเป็นทหารรับใช้ที่บ้าน ส.ต.ท.หญิง โดยมีหน้าที่หลักคือดูแลอาหารการกิน ทำความสะอาดบ้าน และงานบ้านอื่นๆ

 

อีกทั้ง ส.ต.ท.หญิง ในฐานะนายจ้าง ยังได้เรียกเก็บเงินเดือนของผู้เสียหายจำนวน 5,300 บาททุกเดือน โดยอ้างว่าเมื่อเงินเข้าต้องโอนผ่านนายจ้างก่อน โดยผู้เสียหายยังบอกอีกว่า ระหว่างนั้นนายจ้างรายนี้ได้เรียกเก็บค่าดำเนินการฝากเป็นทหารรวมเป็นเงินเกือบ 500,000 บาท

 

ซึ่งเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเริ่มหนักมากขึ้นในทุกๆ วัน โดยเฉพาะการถูกทำร้ายร่างกาย จนทำให้เธอไม่ทนต่อเหตุการณ์นี้ และได้ไปลาออกจากราชการเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 และเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่สุดหลังได้รับความช่วยเหลือจากทางบ้าน

 

ส.ต.ท.หญิง เข้ามอบตัว บอก ‘ป่วย ควบคุมตัวเองไม่ได้’

 

เมื่อวันที่ (20 สิงหาคม) 2 วันหลังถูกแจ้งความ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ราชบุรี เพื่อมอบตัวรับทราบข้อกล่าวหา โดยมี พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) รับหน้าที่สอบปากคำผู้ต้องหา และติดตามความคืบหน้าคดีด้วยตนเอง

 

โดยหลังจากสอบปากคำอยู่พักใหญ่ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ออกมาเปิดเผยข้อมูลระบุว่า ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ให้การรับสารภาพว่าทำร้ายร่างกายจริง แต่ขณะเดียวกันได้ยื่นใบรับรองแพทย์ที่ระบุว่า มีอาการที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เป็นระยะ และจากการที่ตนเองตรวจดูใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แพทย์มีความเห็นว่า เจ้าตัวมีอาการที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เป็นระยะๆ แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นโรคอะไร ซึ่งตลอดการสอบปากคำ ผู้ต้องหาได้ร้องไห้ เสียใจ ขอโทษ และสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป 

 

หลังจากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี นำตัวมาขออำนาจศาลฝากขัง ขณะที่ญาติพยายามยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว แต่ศาลจังหวัดราชบุรีมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว หลังจากมีพฤติการณ์ทำร้ายอดีตทหารรับใช้ พร้อมถูกส่งตัวเข้าเรือนจำทันที

 

โดยสรุป ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ถูกดำเนินคดีในข้อหา ค้ามนุษย์จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส หรือเป็นโรคร้ายแรงซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ตามความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 มาตรา 6, มาตรา 6/1, มาตรา 13 และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 8-20 ปี และปรับตั้งแต่ 800,000-2,000,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต

 

อายุเกิน 35 ปี รับราชการตำรวจได้อย่างไร

 

อีกหนึ่งประเด็นที่สังคมให้ความสนใจและสร้างความแคลงใจเป็นอย่างมาก คืออายุราชการของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ที่ปัจจุบันอายุ 43 ย่างเข้า 44 ปี รับราชการตำรวจมาเพียง 5 ปี นั่นหมายความเธอได้รับราชการช่วงวัย 39 ปี ซึ่งตามระเบียบกำหนดอายุไว้ที่ไม่เกิน 35 ปีนั้น

 

กรณีนี้ พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) ได้ให้ข้อมูลนี้ในการแถลงเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม โดยระบุว่า ผู้ต้องหาเข้ารับราชการตำรวจปี 2560 ใช้วุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ด้านบัญชี ย้ายมาที่สันติบาลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 โดยสำนักงานงบประมาณและการเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สงป.ตร.) พิจารณาผู้มีคุณสมบัติตามวุฒิขาดแคลน ถึงมีการระบุว่าผู้เข้ารับราชการต้องอายุไม่เกิน 35 ปี แต่มีข้อยกเว้นตามกฎของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) สามารถดำเนินการได้ แต่จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการดำเนินการรับเข้ารับราชการถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่

 

ปมซื้อวุฒิการศึกษา 50,000 บาท?

 

อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาโดยอดีตทหารหญิงหรือผู้เสียหาย ซึ่งกล่าวในรายการ ‘โหนกระแส’ ที่ออนแอร์เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ใช้เงินจำนวน 50,000 บาท ในการซื้อวุฒิการศึกษา เป็นวุฒิปริญญาตรีรัฐประศาสนศาสตร์นั้น 

 

ซึ่งในกรณีนี้ทาง ‘มติชน’ เคยรายงานไว้ว่า ผศ.ดร.วิทยา เบ็ญจาธิกุล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เปิดเผยถึงประเด็นข้างต้นว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ เป็นนักศึกษาของทางมหาวิทยาลัยจริง ใช้วุฒิ ปวส. เข้ามาเทียบโอนเพื่อเข้าเรียนตั้งแต่ปี 2558 และจบการศึกษาในปี 2561 โดยรายละเอียดและกระบวนการ ส.ต.ท.หญิง ได้จ่ายค่าเทอมประมาณ 158,000 บาทอย่างถูกต้อง และฝ่ายอาจารย์ที่สอนมีการให้เกรดไปตามปกติเช่นกัน พร้อมเน้นย้ำว่ามหาวิทยาลัยไม่มีทางขายใบปริญญาบัตรเพื่อแลกเงิน 50,000 บาทอย่างแน่นอน

 

ผู้ต้องหามีความสัมพันธ์กับ ส.ว. รายหนึ่ง? นำสู่การตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง

 

ประเด็นนี้ถูกพูดถึงอย่างตรงไปตรงมาในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม เกี่ยวกับความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) รายหนึ่ง

 

ซึ่ง พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ให้ข้อมูลไว้ในรายการว่า ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ มีตำแหน่งเป็นผู้ประสานงานประจำตัวของ ส.ว. รายหนึ่งจริง และเป็นหนึ่งคำให้การจากปากของผู้ต้องหาเองด้วย 

 

จากกรณีนี้เองทำให้ วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสมาชิกวุฒิสภามีส่วนรู้เห็นหรือสนับสนุน ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ที่กล่าวอ้างว่ามีความสัมพันธ์ กระทำทารุณทหารหญิงหรือไม่ มีการใช้อำนาจหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภาฝากภรรยาน้อยเป็นข้าราชการตำรวจจริงหรือไม่ ฝากบุคคลเข้ารับราชการทหารจริงหรือไม่ รวมถึงพฤติกรรมอื่นๆ 

 

ซึ่งเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ประธานวุฒิสภาได้จัดการออกหนังสือคำสั่งมอบหมายคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภาพิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริงทุกประเด็นดังกล่าวข้างต้น ให้เป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 และหากผลการพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภาเป็นประการใด จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป

 

จากคดีทำร้ายร่างกาย สู่การยื่นเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ ฐานร่วมกันทุจริต-ใช้อำนาจบรรจุแต่งตั้งโดยมิชอบ

 

สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดไม่อยู่เพียงแค่กรอบคดีการทำร้ายร่างกายหรือการค้ามนุษย์เท่านั้น 

 

เมื่อล่าสุด (26 สิงหาคม) วีระ สมความคิด ประธานยุทธศาสตร์แผนงานต้านคอร์รัปชัน พรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วย กฤษณ์ ขำทวี เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 

 

โดยมีจุดประสงค์ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ จากกรณีของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ว่ามีการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบบรรจุแต่งตั้งหญิงคนสนิทของข้าราชการการเมืองให้เข้ารับราชการตำรวจและแต่งตั้งยศสิบตำรวจโทโดยขัดต่อระเบียบหรือไม่ ทั้งยังมีการกล่าวอ้างว่าสามารถฝากบุคคลภายนอกเข้ารับราชการทหารบกยศนายสิบได้ โดยมีค่าใช้จ่าย 500,000 บาท

 

โดยกฤษณ์กล่าวว่า สำหรับคดีของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ เป็นที่เข้าใจว่าทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่กรณีนี้มีประเด็นที่ใหญ่กว่านั้นคือการเดินหน้าสืบสวนหาผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบรรจุแต่งตั้ง โดยเฉพาะการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจทหาร ซึ่งเป็นทหารบริการรับใช้ หรือการขอตัวไปปฏิบัติราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 สน. เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์พิเศษ หรือเบี้ยเลี้ยง และอายุราชการทวีคูณ 

 

รวมถึงการซื้อวุฒิการศึกษาปลอม ซึ่งข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้นเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ จึงมายื่นให้ ป.ป.ช. ดำเนินคดีสืบสวนให้ถึงที่สุด โดยขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐดังนี้

 

  1. กรณีบรรจุแต่งตั้ง ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม โดยมิชอบ
  2. กรณีบรรจุแต่งตั้ง ส.ท.หญิง ปัทมา ศิริรัตน์ โดยมิชอบ
  3. กรณีขอตัวทหารหญิงไปเป็นทหารบริการรับใช้โดยมิชอบ
  4. กรณีการขอตัว ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 สน. เพื่อให้ได้รับสิทธิพิเศษโดยมิชอบ
  5. กรณีการซื้อวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ โดยมิชอบ

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X