คอนเฟิร์มแล้ว! ภาพยนตร์แอ็กชันแข่งรถที่เดินทางมายาวนานอย่าง Fast & Furious กำลังจะเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดในภาคที่ 11 เป็นภาคสุดท้าย
โดยเว็บไซต์ Variety ได้รับการยืนยันจาก จัสติน ลิน ผู้กำกับ Fast & Furious ภาค 3, 4, 5, 6 และภาคที่ 9 ซึ่งเป็นภาคล่าสุด จะมารับหน้าที่กำกับต่อใน 2 ภาคสุดท้าย ซึ่งก็คือภาคที่ 10 และ 11 รวมแล้วเป็นระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษของแฟรนไชส์เรื่องนี้ นับตั้งแต่ที่ภาคแรกอย่าง The Fast & The Furious เข้าโรงภาพยนตร์ในปี 2001
แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเนื้อเรื่องของตัวละครจาก Fast & Furious จบลงแค่นี้ เพราะทาง Variety ยังได้รายงานต่ออีกว่าแม้เนื้อเรื่องหลักของ โดมินิก โทเร็ตโต (รับบทโดย วิน ดีเซล) และพวกพ้องจะจบลง แต่ยังมีภาคแยกต่ออย่างแน่นอน เพราะในขณะนี้ได้มีการต่อยอดและพัฒนาบทของตัวละครอื่นภายใน Universal Studios แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จของ Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw เรื่องราวภาคแยกของ ลุค ฮอบส์ (รับบทโดย ดเวย์น จอห์นสัน) และเดคการ์ด ชอว์ (รับบทโดย เจสัน สเตแธม) ที่กวาดรายได้ทั่วโลกสูงถึง 759 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีกำหนดการออกมาว่าภาคที่ 10 และ 11 จะเริ่มถ่ายทำหรือมีกำหนดเข้าโรงภาพยนตร์เมื่อไร เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้การถ่ายทำน่าจะล่าช้าออกไป เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้นิยมใช้สถานที่ถ่ายทำในต่างประเทศ รวมไปถึงภาคล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า F9 ก็ถูกเลื่อนกำหนดการฉายออกไปเป็นเดือนพฤษภาคม ปี 2021 จากเดิมที่วางกำหนดฉายไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ความสำเร็จของแฟรนไชส์ Fast & Furious นับได้ว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์แอ็กชันที่มีภาคต่อเยอะและประสบความสำเร็จในแง่ของรายได้เรื่องหนึ่ง โดยมีภาคที่ประสบความสำเร็จอย่าง Furious 7 ที่สามารถทำเงินทั่วโลกไปได้ถึง 1,160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นผู้บุกเบิกภาพยนตร์แอ็กชันแนวแข่งรถที่โด่งดังที่สุด แจ้งเกิดให้นักแสดงผู้ล่วงลับอย่าง พอล วอล์กเกอร์ นอกจากนี้ยังเป็นภาพยนตร์แอ็กชันเรื่องแรกๆ ที่มีการรวมนักแสดงหลากหลายเชื้อชาติและสีผิวเข้าไว้ด้วยกัน
ภาพ: Universal / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: