Meta ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญใน Facebook โดยหันมายึด ‘ยอดวิว’ (Views) เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลักของคอนเทนต์ เช่นเดียวกับที่ Instagram ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของ Facebook ที่ต้องการลดความซับซ้อนของระบบวัดผล และสอดรับกับพฤติกรรมของผู้ใช้ที่หันมาบริโภคคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้น
เดิมที Facebook ใช้ตัวชี้วัดที่หลากหลายและแตกต่างกันไปตามประเภทของคอนเทนต์ เช่น จำนวนการเล่น การแสดงผล และการเข้าถึง ซึ่งสร้างความสับสนและยากต่อการวิเคราะห์ แต่หลังจากนี้ยอดวิวจะเป็นตัวชี้วัดหลักสำหรับทั้งโพสต์, รูปภาพ, ข้อความ, วิดีโอ และ Stories โดยนับจำนวนครั้งที่คอนเทนต์ปรากฏบนหน้าจอของผู้ใช้ รวมถึงการดูซ้ำ
ยกตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้คนหนึ่งเลื่อนดูรูปภาพเดียวกัน 3 ครั้งใน 1 วัน ระบบจะนับเป็น 3 ยอดวิวแทนที่จะเป็น 1 การแสดงผล (Impressions) เช่นเดียวกับ Stories ที่ยอดวิวจะนับรวมการดูซ้ำ ซึ่งอาจทำให้ยอดวิวสูงกว่าจำนวนการแสดงผลแบบเดิม
ส่วนวิดีโอจะเปลี่ยนชื่อตัวชี้วัด ‘เวลาในการรับชม’ (Watch Time) และ ‘เวลาในการรับชมเฉลี่ย’ (Average Watch Time) เป็น ‘นาทีที่รับชม’ (Minutes Viewed) และ ‘นาทีที่รับชมเฉลี่ย’ (Average Minutes Viewed) เพื่อให้สอดคล้องกับ Instagram และเข้าใจง่ายขึ้น
Meta เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของคอนเทนต์ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ต้องการวัดผลและปรับปรุงกลยุทธ์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม Meta เตือนว่าวิธีการวัดผลแบบใหม่อาจทำให้ข้อมูลแตกต่างไปจากเดิม ดังนั้นผู้ใช้ควรศึกษาและทำความเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในการตีความข้อมูล ตัวอย่างเช่น ยอดวิวที่เพิ่มขึ้นอาจไม่ได้หมายความว่าคอนเทนต์นั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่เป็นเพราะวิธีการนับที่เปลี่ยนไป
การเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มทยอยนำมาใช้ใน Meta Business Suite และ Professional Dashboard ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งถือเป็นโอกาสดีสำหรับแบรนด์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในการปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์ เพื่อสร้างเอ็นเกจเมนต์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบนแพลตฟอร์มของ Meta ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ้างอิง: