พักหลังมานี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ว่าจะยุคของ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อเนื่องมาจนถึงในช่วงยุคของ โจ ไบเดน ต่างก็ดูจะเริ่มใช้มาตรการคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยีในประเทศที่ยกระดับ ‘ความเข้มงวด’ ที่เพิ่มสูงขึ้น สังเกตได้จากการที่มีคำสั่งเรียกซีอีโอแต่ละบริษัทขึ้นให้การกับสภาคองเกรสในประเด็นต่างๆ กันอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดสำนักข่าว CNBC ได้เปิดเผยว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอ Facebook, ซุนดาร์ พิชัย ซีอีโอ Google และแจ็ค ดอร์ซีย์ ซีอีโอ Twitter ได้ตอบรับคำสั่งของรัฐบาลเพื่อเตรียมขึ้นให้การกับสมาชิกคณะกรรมาธิการพลังงานและการพาณิชย์ (The House Energy and Commerce Committee) ในวันที่ 25 มีนาคมที่จะถึงนี้
โดยหัวเรือใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีทั้งสามแพลตฟอร์มจะต้องขึ้นให้การเพื่อชี้แจงในประเด็นการจัดการกับปัญหาการให้ข้อมูลที่ผิดและคลาดเคลื่อนบนแพลตฟอร์มของพวกเขา ทั้งในเรื่องวัคซีนโควิด-19 และความเชื่อเรื่องการฉ้อโกงผลการเลือกตั้งที่ถูกกระจายไปทั่วทั้งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
ด้านสมาชิกคณะกรรมาธิการพลังงานและการพาณิชย์กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “เป็นระยะเวลาเนิ่นนานกว่าที่ควรจะเป็น บรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างก็ล้มเหลวในการที่จะปฏิบัติตามหน้าที่ของพวกเขาในการสร้างและยกระดับข้อมูลข่าวปลอมและเผยแพร่ไปยังผู้ใช้งานออนไลน์ของพวกเขา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของมาตรการควบคุมอุตสาหกรรมนี้
“เราจำเป็นจะต้องเริ่มดำเนินการเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับบริษัทโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะการที่พวกเขาปล่อยให้มีการเผยแพร่ รวมถึงซื้อโฆษณาข้อมูลปลอม ข่าวเท็จ”
ทั้งนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมาซักเคอร์เบิร์กได้ขึ้นให้การที่สภาคองเกรสมากถึง 2 ครั้ง ประกอบด้วย การให้ข้อมูลในปมผูกขาดการค้าและการเซนเซอร์ชิปบนแพลตฟอร์ม ซึ่งในการให้การที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้านี้ ซีอีโอ Facebook จะขึ้นให้การเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ขณะที่รายของพิชัยและดอร์ซีย์เพิ่งจะเป็นการขึ้นให้การในครั้งที่ 3 เท่านั้น (ก่อนหน้านี้พิชัยได้ขึ้นให้ในประเด็นผูกขาดการค้า ส่วนดอร์ซีย์ให้ข้อมูลในประเด็นการเซนเซอร์ชิป)
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
