×

หากเสีย ‘ฟาบินโญ-เฮนเดอร์สัน’ จะเป็นวิกฤตใหญ่หรือโอกาสใหม่ของลิเวอร์พูล?

17.07.2023
  • LOADING...

ภาพการมารายงานตัวฝึกซ้อมพรีซีซันครั้งแรกของ 2 สตาร์ใหม่แห่งแอนฟิลด์อย่าง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ โดมินิก โซโบสไล สร้างรอยยิ้มและความหวังเล็กๆ ให้กับแฟนเดอะค็อปทั่วโลกที่ได้เห็น

           

หลังจากที่ต้องทนเห็นทีมที่เคยแข็งแกร่งและประสบความสำเร็จมากมายต้องตกอยู่ในสภาพแตกสลายในฤดูกาลที่ผ่านมา เพราะขาดการซ่อมบำรุงในพื้นที่แดนกลาง วันนี้ลิเวอร์พูลถือว่าแก้ตัวได้ดีกับสองนักเตะฝีเท้าดี อายุน้อย และอนาคตไกล

           

แต่บรรยากาศดีๆ มีแค่สั้นๆ เท่านั้น เมื่อเกือบทั้งสัปดาห์ที่แล้วพวกเขาต้องเจอกับกระแสข่าวช็อกเกี่ยวกับการย้ายออกจากทีมของสองนักเตะระดับคีย์แมนของทีมอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ

           

โดยเฉพาะรายหลังที่โอกาสย้ายออกจากทีมสูงมาก เมื่อไม่ร่วมเดินทางไปแคมป์พรีซีซันที่เยอรมนี เพื่อจัดการเรื่องการย้ายทีมให้เสร็จสิ้นหลังจากที่อัล อิตติฮัด ยื่นข้อเสนอราว 40 ล้านปอนด์ตามรายงานข่าว

           

นั่นหมายถึงลิเวอร์พูลมีโอกาสที่จะเสียนักเตะกองกลางไปอีก 2 ราย

           

นี่คือวิกฤต หรือจะมองว่าเป็นโอกาสของยักษ์ใหญ่จากเมอร์ซีย์ไซด์ดี?

 

           

ย้อนกลับไปในช่วงฤดูกาลที่แล้ว หนึ่งในจุดที่ทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักมาก ไม่ว่าจะในกลุ่มคอมเมนเตเตอร์มืออาชีพหรือจากแฟนบอลเองคือ นักเตะในแดนกลางที่แม้จะมีผู้เล่นจำนวนมาก แต่มีคนที่ใช้การได้จริงๆ แค่ไม่กี่คน

           

ในระบบการเล่น 4-3-3 ของคล็อปป์ การที่นักเตะกองกลางหมดสภาพ ไม่สามารถใช้งานได้ นั่นหมายถึงทีมสูญเสีย ‘หลัก’ ของทีมที่ค้ำยันทุกอย่าง ซึ่งส่งผลไปไม่เฉพาะแค่เรื่องของเกมรุก แต่รวมถึงเกมรับที่เจอปัญหาอย่างหนัก เพราะแดนกลางไม่สามารถช่วยปกป้องเป็นด่านแรกได้

           

นอกจาก ติอาโก อัลคันตารา ที่บาดเจ็บและเริ่มฟอร์มตก ซึ่งเป็นการร่วงโรยตามวัย คนที่เคยพึ่งพาได้เสมออย่าง เจมส์ มิลเนอร์ ในวัย 37 ปีเองก็เริ่มเชื่องช้าเกินไปและมีปัญหาบาดเจ็บบ่อยขึ้นกว่าปกติ ขณะที่ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ดูไม่เหมาะกับการยืนเป็นกองกลางในระบบเดิม

           

ส่วนเกตา, ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน มีปัญหาเรื่องสภาพร่างกายตลอดเวลา หรือหากได้โอกาสลงสนามก็ไม่สามารถช่วยอะไรทีมได้มากมายนัก ขณะที่ อาร์ตู เมโล ที่ถูกดึงตัวมาแก้ขัดในช่วงตลาดการซื้อ-ขายช่วงฤดูร้อน ก็ได้โอกาสลงเล่นเพียงแค่ 13 นาทีเท่านั้น

           

แต่ที่น่าผิดหวังไม่แพ้กันคือฟาบินโญที่เคยเป็นเสาหลักของทีมมาโดยตลอดนับตั้งแต่ย้ายมาจากโมนาโกเมื่อปี 2018 ที่ฟอร์มตกจนน่าใจหาย สูญเสียความมั่นใจไปจนเกลี้ยง ส่วนเฮนเดอร์สันนั้นถึงความทุ่มเทจะเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือแข้งขามันไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเหมือนเก่า

           

การที่คนที่ดูดีที่สุดในแดนกลางในช่วงเวลานั้นคือดาวรุ่งอย่าง สเตฟาน ไบเซติช ก็เป็นการบ่งบอกอะไรได้มากมายอยู่

           

สถานการณ์ของลิเวอร์พูลมาเริ่มดีขึ้นเมื่อมีการปรับระบบการเล่นใหม่เป็น 3-2-2-2 ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายก่อนปิดฤดูกาล หลายๆ คนทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น เคอร์ติส โจนส์ ไอ้หนูดาวรุ่งที่ฟิตกลับมาและค้นพบฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมจนเป็นตัวหลักของทีมในช่วงดังกล่าวร่วมกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ได้บทบาทใหม่เป็นนักเตะไฮบริด เล่นเป็นกองกลางตัวรับสลับแบ็กขวาตามสถานการณ์

           

รวมถึงนักเตะที่ฟอร์มตกอย่างฟาบินโญและเฮนเดอร์สัน เริ่มดีขึ้นตามลำดับด้วย แต่ก็ชัดเจนว่าทีมต้องการนักเตะใหม่ที่จะเข้ามาเติมชีวิตชีวาให้กับทีม

           

ปัญหาคือหลังจากที่ได้แม็ค อัลลิสเตอร์ และโซโบสไลมา สิ่งที่ลิเวอร์พูลต้องการคือ การพยายามหากองกลางเข้ามาเพิ่มอีก 1 คน ซึ่งตามรายงานข่าวคือ โรเมโอ ลาเวีย กองกลางตัวรับดาวรุ่งจากเซาแธมป์ตัน ที่ติดปัญหาเรื่องเงินค่าตัวที่ทีม The Saints เรียกร้องที่ 50 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่ามากเกินไปสำหรับดาวรุ่งอายุ 19 ปีที่เพิ่งแจ้งเกิดได้ฤดูกาลเดียวและยังมาจากทีมที่ตกชั้นด้วย

 

           

ลิเวอร์พูลไม่ได้คิดถึงสถานการณ์ว่าพวกเขามีโอกาสจะเสียกองกลาง 2 คนที่มีประสบการณ์สูงสุดในทีมอย่างฟาบินโญและเฮนเดอร์สันไปแม้แต่น้อย เพราะทั้งสองคนยังอยู่ในแผนการทำทีมของคล็อปป์เหมือนเดิม

           

การที่สองสโมสรจากซาอุดีอาระเบียตามล่าตัวเฮนเดอร์สันและฟาบินโญอย่างหนักหน่วงในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว จึงถูกมองว่าเป็นสถานการณ์วิกฤตที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

           

กระแสข่าวนั้นเริ่มจากรายของเฮนเดอร์สันที่เหมือนเป็นข่าวลือขำขันว่าอัล เอตติฟาค ซึ่งเพิ่งคว้าตัว สตีเวน เจอร์ราร์ด รุ่นพี่และเป็นผู้ส่งมอบปลอกแขนกัปตันทีมลิเวอร์พูลให้กัปตันทีมคนปัจจุบัน ต้องการได้ตัวสตาร์วัย 33 ปีมาร่วมทีม

           

โดยที่ระหว่างนั้นก็เริ่มมีกระแสข่าวว่าอัล อิตติฮัด 1 ใน 4 สโมสรระดับยักษ์ใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลผ่านกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ PIF พร้อมเสนอเงิน 40 ล้านปอนด์ เพื่อขอซื้อฟาบินโญไปร่วมทีม

           

ข่าวที่เหมือนจะเริ่มต้นเหมือนการล้อเล่นค่อยๆ กลายเป็นความจริงขึ้นมา โดยเฉพาะในรายของกองกลางทีมชาติบราซิลที่มีโอกาสจะเป็นความจริงมากกว่า เมื่ออัล อิตติฮัด ยื่นข้อเสนอเข้ามาจริงๆ ในราคา 40 ล้านปอนด์ และทำให้ฟาบินโญไม่ได้ร่วมเดินทางมากับทีมที่เข้าแคมป์พรีซีซันในเยอรมนี

           

ส่วนรายของเฮนเดอร์สัน ซึ่งมีข่าวว่าบรรลุข้อตกลงส่วนตัวกันไปแล้ว โดยจะรับค่าตอบแทนมากกว่าที่ได้จากลิเวอร์พูลหลายเท่า บ้างก็ว่าตัวเลขอาจแตะถึง 7 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ (โดยที่เสียภาษีน้อยกว่า) ยังติดขัดเรื่องของเงินค่าตัวที่อัล เอตติฟาค ไม่พร้อมจะจ่ายตามที่ลิเวอร์พูลต้องการที่ 20 ล้านปอนด์ เพราะเดิมเข้าใจว่าจะสามารถได้ตัวมาแบบฟรีๆ เหมือนรายของ คริสเตียโน โรนัลโด หรือ เอ็นโกโล ก็องเต ที่สโมสรเปิดทางให้ย้ายไปซาอุดี โปร ลีก แบบไม่คิดค่าตัว

           

ประเมินแล้วมีโอกาสที่ลิเวอร์พูลจะเสียนักเตะกองกลางทั้งสองรายไปพร้อมๆ กัน หรือขั้นต่ำที่สุดอาจเป็นรายเดียว

           

และรายนั้นอาจเป็นฟาบินโญที่ควรจะอยู่เป็นแกนหลักในแดนกลางของทีม ซึ่งถือเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่มาก

           

เพราะแม้จะฟอร์มตกเกือบตลอดทั้งฤดูกาล แต่ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายกองกลางชาวบราซิลก็ค่อยๆ คืนฟอร์มการเล่นกลับมา ช่วยประคับประคอง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในพื้นที่แดนกลางด้วยประสบการณ์และความเก๋าเกมที่มีติดตัว

 

โดยที่ในวัย 29 ปี ฟาบินโญยังมีเวลาและโอกาสที่จะไต่ระดับการเล่นกลับมา ซึ่งอาจจะทำได้ดีเหมือนในช่วงท็อปพีคที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดของโลก

 

คนที่ลิเวอร์พูลต้องการคือใครสักคนที่เป็นดาวรุ่งที่จะมา ‘ฝึกงาน’ กับฟาบินโญมากกว่าที่จะมาทดแทนเขาแบบตำแหน่งต่อตำแหน่ง

 

แต่ไม่ว่าจะเพราะข้อเสนอเย้ายวนเกินห้ามใจ เพราะโอกาสในการได้ร่วมงานกับ นูโน เอสปิริโต ซานโต เจ้านายเก่าที่เคยทำงานด้วยกันในริโอ อาเว สโมสรแรกของเขาในยุโรปที่โปรตุเกส หรือเพราะซูเปอร์เอเจนต์อย่าง ฮอร์เก เมนเดส ที่เป็นเอเจนต์ของทั้งฟาบินโญและนูโน เป็นผู้ชักนำ หรือจะเพราะความทดท้อที่เคยโดนแฟนบอลวิพากษ์วิจารณ์แบสาดเสียเทเสีย ดูเหมือนโอกาสที่เขาจะอยู่กับทีมต่อไปเหลือน้อยลงกว่าเดิมมาก

 

           

ขณะที่รายของเฮนเดอร์สันนั้น หากจะย้ายไปก็พอจะเข้าใจได้ในเรื่องของ ‘โอกาสในการเล่น’ ที่จะลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญในฤดูกาลใหม่ เพราะมีนักเตะอย่างโซโบสไลหรือแม้แต่เอลเลียตต์ และแม็ค อัลลิสเตอร์ เองก็สามารถลงสลับตำแหน่งทดแทนได้

 

หากต้องเสียนักเตะระดับนี้ไปไม่ว่าจะสองคนหรือคนเดียวก็ตาม ในช่วงเวลาที่ทีมกำลังเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุดสำหรับฤดูกาลใหม่ เพื่อหวังจะแก้ตัวจากความล้มเหลวในฤดูกาลที่แล้ว ย่อมส่งผลกระทบมหาศาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (หรือต่อให้สุดท้ายจะไม่ได้ย้ายกันทั้งสองคน บรรยากาศก็เสียอยู่ดี)

 

เพราะนั่นหมายถึงลิเวอร์พูลมีความต้องการกองกลางมากถึง 3-4 คน เพื่อให้พร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาแค่คนเดียวก็ยังลำบากเลย

 

อย่างไรก็ดี หากมองในอีกด้าน สมมติว่าหากทั้งฟาบินโญและเฮนเดอร์สันไปจากทีมพร้อมกันจริงๆ นั่นหมายถึงการที่ลิเวอร์พูลจะได้โอกาสในการ ‘ล้างไพ่’ ในแดนกลางใหม่ทั้งหมด

 

และนี่อาจเป็นเหตุผลที่ลิเวอร์พูลไม่มีการแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อทีมจากซาอุดีอาระเบีย เพราะนอกจากจะไม่ต้องการรั้งนักเตะที่ไม่มีใจแล้ว อาจมองเห็นวิกฤตเป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงทีม

 

หากไม่นับฟาบินโญและเฮนเดอร์สัน โดยที่ ติอาโก อัลคันตารา ซึ่งก็เป็นอีกคนที่มีข่าวว่ามีหลายทีมสนใจยังอยู่กับทีมต่อ กลุ่มคนรุ่นใหม่ในแดนกลางของลิเวอร์พูลประกอบไปด้วย โจนส์, ไบเซติช, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แม็ค อัลลิสเตอร์, โซโบสไล และเอลเลียตต์

 

ในจำนวนนี้หากมองเป็นตำแหน่งคู่กองกลางตัวรับ (Double Pivot) ของฟาบินโญแบบทดแทนกันไปก่อนได้คือ ติอาโก, ไบเซติช, โจนส์ และแม็ค อัลลิสเตอร์

 

ส่วนตำแหน่งของเฮนเดอร์สันมีโซโบสไล เอลเลียตต์ และอาจรวมถึงแม็ค อัลลิสเตอร์ และเทรนต์ รวมถึง โคดี กักโป ที่เคยถูกลองสลับมาให้ยืนกองกลางบ้าง

 

นักเตะใหม่ที่จะต้องมาแน่นอนไม่ว่าจะเสียฟาบินโญหรือเฮนเดอร์สัน อย่างน้อยจะเป็นนักเตะที่อายุน้อยกว่า สดกว่า และเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งก็มีกระแสข่าวกับหลายรายที่ล้วนน่าสนใจทั้งสิ้น

 

นอกจาก ลาเวีย ที่เป็นนักเตะแห่งอนาคตแล้ว ยังมี คาลวิน ฟิลลิปส์ ตัวโฮลดิงมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดคนหนึ่งของอังกฤษ แม้จะโดนดองกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ตาม, โซฟียาน อัมราบัต กองกลางตัวรับที่พาโมร็อกโกเข้าถึงรอบตัดเชือกฟุตบอลโลก และอีกคนที่มีข่าวก่อนหน้านี้คือ ไรอัน กราเวนเบิร์ช สตาร์ดาวรุ่งทีมชาติเนเธอร์แลนด์

 

เงินที่จะได้จากการขายฟาบินโญและเฮนเดอร์สัน จะถูกนำมาเติมในการค้นหานักเตะใหม่ๆ ที่อาจไม่ได้เป็น 4 คนข้างต้นก็ได้

 

ดังนั้นแม้จะมีโอกาสที่จะเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะรายของฟาบินโญที่ยังดีพอจะเป็นเสาหลักประคองทีม หรือกัปตันทีมที่ยิ่งใหญ่อย่างเฮนเดอร์สันที่ทุกคนอยากเห็นมีวันอำลาทีมอย่างสง่างามเหมือนเจอร์ราร์ด แต่นี่ก็อาจเป็นโอกาสของทีมที่มาแบบไม่คาดฝันเหมือนกัน

 

โดยที่เดอะค็อปทั่วโลกอาจพึงนึกไว้ อาจช่วยให้สบายใจขึ้นนิดหน่อย

 

อะไรที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising