สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ประกาศรางวัลชนะเลิศการประกวดต้นแบบสัญลักษณ์ใหม่ของทีมชาติไทย ที่จัดขึ้นโดยสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีคอนเซปต์ว่า ‘ช้างศึก’ ที่ต้องดูสง่างามและน่าเกรงขาม ชิงเงินรางวัล 1 แสนบาท
โดยจากผลงานการออกแบบที่เข้ารอบ 5 สัญลักษณ์สุดท้ายจากผลโหวตของแฟนบอล ปรากฏว่าเป็นผลงานของ นายต่อพงศ์ บูรณพิเชษฐ์ ที่ได้รับผลโหวตถึง 42 เปอร์เซ็นต์จากแฟนบอล และเป็นผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศจากความเห็นของคณะกรรมการ
นอกจากนี้ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศยังได้เปิดรับข้อร้องเรียน ในกรณีที่สัญลักษณ์ทีมชาติไทยที่ได้รับรางวัลทั้ง 3 แบบ ตั้งแต่รางวัลชนะเลิศ และรางวัลชมเชย 2 รางวัล กรณีที่มีการลอกเลียนแบบ คล้ายคลึง หรือ ดัดแปลงมาจากสัญลักษณ์ของผู้อื่น
ผู้ร้องเรียนสามารถส่งหนังสือร้องเรียนมาได้ที่ [email protected] ภายในระยะเวลา 15 วันนับจากวันที่ประกาศ โดยหากไม่มีการร้องเรียน ทางสมาคมจะเชิญผู้ชนะเข้ามารับรางวัล พร้อมเซ็นสัญญามอบสิทธิ์ให้เป็นของสมาคมฯ และเตรียมพัฒนาสัญลักษณ์จนสมบูรณ์เพื่อนำไปใช้งานในกิจกรรมของทีมชาติไทยต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ แถลงผ่านเว็บไซต์ว่าได้ตกลงความร่วมมือกับ Interbrand บริษัทที่ปรึกษาเรื่องการสร้างแบรนด์ระดับโลก เพื่อเตรียมต่อยอดการออกแบบตราสัญลักษณ์ทีมชาติไทยแบบใหม่
Interbrand จะเข้ามาพัฒนาและสร้างสรรค์ตราสัญลักษณ์ทีมชาติไทยแบบใหม่ โดยจะรวบรวมจากแนวคิดในการประกวด โดยเฉพาะต้นแบบที่ได้รับการโหวตจากแฟนบอล 5 แบบสุดท้าย ซึ่งแผนการทั้งหมดมีกำหนดการแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2560
สำหรับ Interbrand เป็นบริษัทที่ปรึกษาการสร้างแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากแบรนด์ดังทั่วโลก โดยมีความเชี่ยวชาญด้านการวางกลยุทธ์ วิเคราะห์ สร้างมูลค่า และ บริหารแบรนด์ โดยจากการตรวจสอบในเว็บไซต์หลักของ Interbrand, THE STANDARD ได้พบว่าหนึ่งในผลงานในวงการฟุตบอลของ Interbrand คือการออกแบบสัญลักษณ์ใหม่ให้กับ สโมสรฟุตบอลยูเวนตุส ในประเทศอิตาลีมาแล้ว
ปัจจุบัน Interbrand มีสำนักงานอยู่ 24 แห่งใน 17 ประเทศ และเคยได้รับรางวัลโฆษณายอดเยี่ยมอย่าง Cannes Lions มาแล้ว
ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ยังได้แถลงข่าวผ่านเว็บไซต์เกี่ยวกับตราพระมหาพิชัยมงกุฎ หรือ ตราพระมหามงกุฎ ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) มาตั้งแต่ พ.ศ. 2458 โดยสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้ปรึกษากับผู้ทรงคุณวุฒิ และได้ลงความเห็นว่าควรจะใช้ตราพระมหาพิชัยมงกุฎเฉพาะในโอกาสสำคัญ และอยู่ในจุดที่สูงส่งสง่างามเพื่อความสมเกียรติเท่านั้น
Photo: FA Thailand
อ้างอิง: