หากต้องเลือกหนึ่งในนักแสดงที่กำลังกวาดกระแสและภาพข่าวจากการโปรโมตหนังเรื่องใหม่ทั่วโลกในขณะนี้ ก็คงหนีไม่พ้นผู้ชายชื่อ เอซรา มิลเลอร์ (Ezra Miller) จากหนังภาคต่อ Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald ในบทบาท ครีเดนซ์ แบร์โบน (Credence Barebone) แต่มากไปกว่าชุดเดรสแจ็กเกตบุนวมสีดำของ Moncler x Pierpaolo ที่เขาใส่ไปพรีเมียร์ที่ปารีส หรือชุด Givenchy Haute Couture สีขาวประดับด้วยขนนก ที่ใส่ไปพรีเมียร์ที่ลอนดอน ผู้ชายคนนี้กำลังเป็นตัวแทนสำคัญของคนยุคใหม่ที่อยากทำลายกรอบความคิดเดิมๆ ไม่ว่าจะในทิศทางการเป็นนักแสดง ศิลปิน หรือมนุษย์คนหนึ่งที่การจะมาจำกัดความเรื่องเพศหรืออะไรก็ตาม แต่เป็นสิ่งที่ดูเหมือนจะล้าหลังไปแล้ว
เอซรา มิลเลอร์ เกิดเมื่อวันที่ 30 กันยายน ปี 1992 ที่เมืองวิกกอฟฟ์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในครอบครัวที่ คุณพ่อโรเบิร์ต เอส. มิลเลอร์ (Robert S. Miller) ทำงานสำนักพิมพ์ และคุณแม่มาร์ธา มิลเลอร์ (Martha Miller) เป็นครูสอนเต้น โดยเอซราเป็นลูกชายคนสุดท้อง มีพี่สาวอีก 2 คนชื่อ ไซยา (Saiya) และเคทลิน มิลเลอร์ (Caitlin Miller) ซึ่งในวัยเด็กเขาได้ศึกษาการขับร้องโอเปรา แต่พอเป็นวัยรุ่นก็ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน เพื่อเอาดีด้านการเป็นนักแสดง โดยเขาจะนั่งรถไฟเข้าแมนฮัตตันเป็นประจำ เพื่อไปออดิชันบทต่างๆ
ผลงานภาพยนตร์ชิ้นแรกของเอซราคือ หนังดราม่า Afterschool ในปี 2008 ของผู้กำกับแอนโตนิโอ แคมปอส (Antonio Campos) ที่ได้ไปฉายเทศกาล Cannes Film Festival และในปีเดียวกัน เขาก็ได้เป็นนักแสดงรับเชิญในซีรีส์ดัง Californication ของช่อง Showtime ที่นำแสดงโดย เดวิด ดูคอฟนี (David Duchovny) ส่วนภาพยนตร์แจ้งเกิดก็คือ หนังสยองขวัญ We Need to Talk About Kevin ที่เขาแสดงบทนำคู่กับ ทิลดา สวินตัน (Tilda Swinton) และที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นในกระแสหลักก็คือ The Perks of Being a Wallflower หนังแนว Coming-of-age ของผู้กำกับสตีเฟน ชบอสกี (Stephen Chbosky) ที่เขียนบทประพันธ์ด้วย พร้อมแสดงกับ เอ็มมา วัตสัน (Emma Watson) และโลแกน เลอร์แมน (Logan Lerman)
พอมาในปี 2012 เอซราก็ได้ประกาศกับนิตยสาร Out ว่า เขาเป็น ‘Queer’ ที่รักคนได้ทุกเพศแบบไม่ต้องจำกัดความใดๆ ทำให้เขากลายเป็นอีกหนึ่งฮีโร่ของกลุ่ม LGBTQ+ ทันที และในปี 2016 พอเขาได้แสดงเป็นซูเปอร์ฮีโร่ The Flash ของ DC Comics ใน Batman v Superman: Dawn of Justice ก็ทำให้เขากลายเป็นนักแสดงจากกลุ่ม LGBTQ+ คนแรกที่เปิดเผยสถานะตัวเอง และได้เล่นเป็นซูเปอร์ฮีโร่ โดยเอซราเคยพูดไว้ว่า “สำหรับผม Queer แปลว่าฉันไม่ใช่ผู้ชาย ฉันไม่ใช่ผู้หญิง ฉันแค่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง”
ไม่ใช่แค่การแสดงที่เอซราโฟกัสอย่างเป็นจริงเป็นจัง แต่เขายังมีวงดนตรีอินดี้ของตัวเองชื่อ Sons of an Illustrious Father ที่ฟอร์มกับเพื่อนๆ อีก 2 คน จอร์จ ออบิน (Josh Aubin) และลิลาห์ ลาร์สัน (Lilah Larson) ซึ่งเอซราสามารถร้อง เล่นกลอง และคีย์บอร์ดได้ทั้งหมด โดยวงกำลังทำสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 อยู่ และจะทัวร์ยุโรปหลังเอซราโปรโมต Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald เสร็จ
แต่หลายคนอาจคิดว่า เพราะเอซรามีชื่อเสียงและเงินทองแล้ว เขาคงใช้ชีวิตติดหรูที่ลอสแอนเจลิสหรือนิวยอร์ก แต่ที่จริงแล้วเอซราตัดสินใจซื้อบ้านอยู่ในฟาร์มที่รัฐเวอร์มอนต์ ซึ่งเต็มไปด้วยฝูงสัตว์นานาชนิด และมีความเงียบสงบ เขาได้ให้สัมภาษณ์กับทางนิตยสาร GQ สหรัฐอเมริกา ว่า เขาชอบพบเจอและพูดคุยกับแฟนคลับ เพราะเขาอยากให้ทุกคนเสมอภาค ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างดาราและคนทั่วไปที่เอื้อมไม่ถึงกัน เพราะในความเป็นจริงแล้วเราก็เป็นมนุษย์เหมือนกันหมด แค่อาชีพแตกต่างกัน
อีกหนึ่งประเด็นที่เอซรามีแพสชันเป็นอย่างมากคือ เรื่องภัยธรรมชาติ ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในดาราที่ออกมาต่อต้านการสร้างท่อส่งน้ำมัน Dakota Access Pipeline ในรัฐนอร์ธดาโกตา ที่จะส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์และพื้นดินของละแวกนั้น ที่คนชนพื้นเมืองอเมริกันอยู่อาศัย ส่วนประเด็น #MeToo เกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศในสังคม ทางเอซราก็ได้ออกมาเปิดเผยกับทาง The Hollywood Reporter ว่า เคยเจอเหตุการณ์นี้ตอนเข้าวงการใหม่ๆ ที่มีผู้กำกับและโปรดิวเซอร์หนังพยายามล่อให้เขาดื่มไวน์ พร้อมชักจูงว่า ถ้าเอซราดื่ม เขาก็จะได้อยู่ในหนังของพวกเขา ที่เกี่ยวกับการปฏิวัติของกลุ่มเกย์ ซึ่งเอซราก็ปฏิเสธทันที และสนับสนุนการที่วงการได้ประณามและไล่ผู้ชายทุกคนที่กระทำผิดออก พร้อมเสนอว่า ควรได้รับการบำบัดให้หมด
พูดได้ว่า เพียงแค่ 10 ปีในวงการบันเทิง เอซรา มิลเลอร์ ได้สวมบทบาทหลากหลาย ทั้งในจอ นอกจอ หรือบนเวที ซึ่งเราเชื่อว่า เราเพิ่งได้เห็นเปลือกชั้นแรกๆ ของเขาที่ต่อไปเราต้องได้เห็นบทบาทของเขาในวงการภาพยนตร์และสังคมเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แต่ก็คงในทิศทางที่แหวกแนว มีความแอ็บสแตรกต์ และทำให้เราต้องคิดตลอดเวลา
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: