แม้ว่าวิกฤตโควิด-19 จะทำให้ภาพยนตร์ใหม่ๆ ต้องเลื่อนโปรแกรมฉายออกไปทั้งหมด ยกเว้นบนแพลตฟอร์มสตรีมมิง Netflix ที่ยังรันโปรแกรมได้ตามปกติ โดยมีผลงานล่าสุดคือ Extraction ที่ได้เทพเจ้าสายฟ้า คริส เฮมส์เวิร์ธ วางค้อน หยิบปืน ถือมีดมาโชว์คิวบู๊แบบดิบๆ ให้ดูกันเต็มๆ
Extraction คือผลงานเรื่องแรกในฐานะผู้กำกับของ แซม ฮาร์เกรฟ ผู้ออกแบบฉากสตันท์ที่อยู่เบื้องหลังและคอยซัพพอร์ตเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ในจักรวาลมาร์เวลมานับครั้งไม่ถ้วน เช่น Captain America: The Winter Soldier, Captain America: Civil War, Avengers: Endgame ฯลฯ
ซึ่งฝีมืออันเอกอุที่เคยร่วมงานกันมาหลายครั้งคือหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้คริสตกลงมาร่วมแสดงใน Extraction และยังได้ โจ รุสโซ ผู้กำกับ Avengers: Endgame ภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์มาเป็นคนเขียนบทและโปรดิวเซอร์ จนกลายเป็นทีม ‘Avengers’ แห่งวงการภาพยนตร์แอ็กชันขึ้นมา
เรื่องราวใน Extraction เริ่มต้นขึ้นเมื่อ โอวี่ (รูดห์รัคช์ ชัยสวาล) ลูกชายของพ่อค้ายาเสพติดชื่อดังแห่งอินเดียถูกศัตรูคู่แข่งลักพาตัวไป ภารกิจชิงตัวในครั้งนี้จึงตกเป็นของ ไทเลอร์ เรค (คริส เฮมส์เวิร์ธ) ทหารรับจ้างที่จะต้องฝ่าดงกระสุนปืนเพื่อชิงตัวโอวี่กลับมา
เป็นพล็อตเรื่องง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน แล้วไปอัดแน่นด้วยฉากแอ็กชันโชว์ของตลอดเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ทั้งฉากตะลุมบอน ฉากต่อสู้แบบตัวต่อตัว ฉากลอบสังหาร และไฮไลต์ของเรื่องคือฉากขับรถไล่ล่าใจกลางเมืองที่นำเสนอแบบลองเทก ที่ผู้กำกับอย่างแซมลงมาจับกล้องถ่ายทำด้วยตัวเอง และกลายเป็นฉากที่ดีที่สุดของ Extraction
อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือการแสดงของ คริส เฮมส์เวิร์ธ ที่งัดเอาทักษะการต่อสู้ที่ฝึกฝนมาเป็นเวลาหลายเดือนออกมาใช้อย่างเต็มที่ ทำให้เราเห็นว่าเขาเป็นพระเอกที่ครบเครื่อง ไม่ได้มีดีแค่รับบทเป็นยอดมนุษย์ แต่ยังสามารถต่อสู้ด้วยปืน หมัด และมีดได้อย่างมีเสน่ห์ โดยเฉพาะฉากดวลตัวต่อตัวระหว่างไทเลอร์และซาจู (พานคัจ ทริพาติ) ที่ตอกย้ำความยอดเยี่ยมของเทคนิคการเล่าเรื่องแบบลองเทกของเรื่องนี้
แต่อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นว่า Extraction คือภาพยนตร์ที่เน้นเรื่องฉากแอ็กชันเป็นหลัก ทำให้ตัวเนื้อเรื่องไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์มากนัก ถ้าติดตามภาพยนตร์แนวนี้มาบ้างก็พอจะเดาตอนจบได้แบบไม่ยากนัก รวมทั้งการปูเบื้องหลังของตัวละครต่างๆ ที่มีเวลาให้น้อย ทำให้เราไม่อินและไม่ได้รู้สึกอยากเอาใจช่วย ‘ตัวละคร’ อย่างไทเลอร์มากเท่าไร แต่จะมีความรู้สึกอยากเอาใจช่วย ‘คริส เฮมส์เวิร์ธ’ มากกว่า
และสุดท้ายเมื่อรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบ เราอยากขอรบกวนเวลาทุกคนเพิ่มอีกสักนิดเพื่อรับชมเครดิตทีมงานเบื้องหลังที่เต็มไปด้วยชื่อของทีมงานชาวไทยหลายสิบชีวิตที่เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างสรรค์ภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมา เมื่อทีมงานยกกองมาถ่ายทำที่ประเทศไทยเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของวงการภาพยนตร์ไทยที่สามารถพัฒนาและต่อยอดขึ้นไปได้ในอนาคต
ตัวอย่างภาพยนตร์
ภาพประกอบ:
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
