นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักร แถลงข่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและญาติผู้เสียชีวิต หลังยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทะลุ 1 แสนคน ทำให้สหราชอาณาจักรกลายเป็นประเทศที่มียอดผู้เสียชีวิตต่อสัดส่วนประชากรสูงที่สุดในโลก
ผู้นำสหราชอาณาจักรยังกล่าวขอโทษ “ต่อทุกชีวิตที่ต้องจากไป และในฐานะนายกรัฐมนตรี ผมจะรับผิดชอบต่อมาตรการทุกอย่างที่รัฐบาลได้ดำเนินการ” ทั้งนี้ เขาย้ำว่า รัฐบาลพยายามทำทุกวิถีทางแล้ว และจะทำงานหนักต่อไป เพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิตและติดเชื้อให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว จอห์นสันเคยคาดหวังว่าจะยับยั้งไม่ให้ยอดผู้เสียชีวิตทะลุ 2 หมื่นคน แต่ผ่านมา 10 เดือน วันนี้เขาออกมาขอโทษที่ปล่อยให้ผู้เสียชีวิตพุ่งเกิน 1 แสนราย ท่ามกลางปัญหาอีกมากมาย ทั้งโรงพยาบาลที่แออัด, บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องลดมาตรฐานการดูแลคนไข้ เพราะงานล้นมือ, โรงเรียนและมหาวิทยาลัยต้องปิดการเรียนการสอน ย้ายไปเรียนออนไลน์, ธุรกิจห้างร้านส่วนใหญ่ต้องปิดตัวอีกครั้ง, ผู้คนออกมารวมกลุ่มสังสรรค์ไม่ได้ ยกเว้นออกกำลังกายกลางแจ้งอย่างจำกัด
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า สถิติใหม่ที่น่าเศร้านี้เป็นหลักฐานว่า รัฐบาลไม่เคยเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตเลย โดย ริชาร์ด เมอร์เรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกองทุน King’s Fund กล่าวว่า “ไม่น่าเชื่อเลยว่าประเทศที่ร่ำรวยและมีระบบสาธารณสุขเพียบพร้อม” จะกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก
จอห์นสันชี้แจงว่า การที่รัฐบาลควบคุมการแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ไม่ได้ เป็นผลจากเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ภายในประเทศ ที่รู้จักกันในชื่อ ‘สายพันธุ์สหราชอาณาจักร’ (UK Variant) ที่ระบาดได้ง่ายกว่าและมีอันตรายมากกว่า
รัฐมนตรีสาธารณสุขเองยืนกรานว่า มาตรการต่างๆ ของรัฐบาลกำลังได้ผล จนกระทั่งเกิดโควิด-19 กลายพันธุ์นี้ แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่ารัฐบาลเองก็หละหลวมด้วย
ศาสตราจารย์แอนน์ จอห์นสัน ประธานสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่า การผ่อนปรนมาตรการช่วงก่อนเทศกาลคริสต์มาส มีส่วนเชื่อมโยงกับการพุ่งสูงของผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต
ส่วนข้ออ้างถึงโควิด-19 ‘สายพันธุ์สหราชอาณาจักร’ ศาสตราจารย์แอนน์ชี้ว่า รัฐบาลทราบถึงสัญญาณการกลายพันธุ์ของเชื้อในประเทศตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว แต่ข้อแก้ตัวของนายกรัฐมนตรีคือ เขาไม่ได้อ่านรายงานในเรื่องนี้
นี่เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นพ้องว่าจอห์นสันบกพร่อง หากเขาใส่ใจมากกว่านี้ อ่านรายงานที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์พยายามย้ำเตือน และเรียนรู้จากความผิดพลาดตั้งแต่การล็อกดาวน์ครั้งแรก สถานการณ์ในสหราชอาณาจักรจะไม่เลวร้ายถึงระดับนี้
ภาพ: JUSTIN TALLIS / POOL / AFP
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: