×

เมื่ออุตสาหกรรม ‘ขวดน้ำรียูส’ กำลังบูม เทรนด์รักษ์โลกที่อาจกลายเป็นสถานะทางสังคมรูปแบบใหม่

21.07.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 MINS READ
  • ปัจจุบันมูลค่าตลาดของขวดน้ำรียูสนั้นเฟื่องฟูสุดฤทธิ์ เพราะในปี 2015 ที่ผ่านมา มูลค่าตลาดขวดน้ำรียูสนั้นมีมูลค่าประมาณ 7.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2.4 แสนล้านบาทไทย ซึ่งภายในตัวเลขดังกล่าวนั้น ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเราคือผู้ครองตลาดเกือบครึ่งที่ 40%
  • แต่ในขณะเดียวกันมูลค่าตลาดของ ‘น้ำดื่มแบบขวด’ (Water Bottles) ในเอเชียแปซิฟิกเองก็ไม่ได้ลดถอยลงไป นั่นอาจเป็นเพราะมีโครงสร้างพื้นฐานและจำนวนการเข้าถึงน้ำดื่มสะอาดยังมีจำกัด
  • จากการศึกษา Report Buyer พบว่า ตลาดของขวดน้ำรียูสนี้มีความหลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่ในเรื่องของรูปร่าง ปริมาณความจุ หรือวัสดุที่ใช้ทำขวดน้ำที่มีให้เลือกหลากหลาย รวมไปถึงการนำเสนอฟังก์ชันใหม่ๆ เข้าไปอย่างการมีตัวกรองน้ำภายในขวด

กระแสสังคมเรื่องหนึ่งที่กำลังถูกพูดถึงและน่าสนใจอย่างมาก คือการที่กลุ่มคนรักษ์โลกและใส่ใจสิ่งแวดล้อมหันมาตระหนักถึงปัญหาของการใช้ ‘พลาสติก’ กันมากขึ้น แน่นอนว่าจากเหตุการณ์ขยะในท้องปลาวาฬเกยตื้นหรือเกาะขยะพลาสติกในท้องทะเลนั้น ทำให้เราได้เห็นภาพความน่ากลัวของปริมาณขยะที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์อย่างชัดเจน และหนทางเลือกใหม่ที่ทำให้คนหันมาสนใจและใส่ใจเรื่องนี้คือเรื่องง่ายๆ อย่างการงดใช้ขวดน้ำหรือหลอดพลาสติก แล้วหันมาใช้ ‘ขวดน้ำรียูส’ (Reusable Bottle) อันเป็นวัตถุนิยมสิ่งใหม่ที่อุตสาหกรรมของมันกำลังเติบโตขึ้นอย่างน่าสนใจ

 

via GIPHY

 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การมาถึงของเทรนด์ ‘ขวดน้ำรียูส’ กำลังจะเปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์ไปอย่างไร สิ่งนี้จะกลายเป็นสินค้า ‘must-have’ ที่ใครๆ ควรมีเพื่อช่วยโลก หรือขวดน้ำที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้นี้จะเป็นรูปแบบใหม่ของการบ่งบอกสถานะทางสังคมกันล่ะ?

 

Photo: EarthHero

 

ขวดน้ำรียูสคือตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง

คุณลองนึกภาพย้อนไปเมื่อสัก 15 ปีก่อน เมื่อสิ่งที่เราเรียกว่า ‘ขวดน้ำรียูส’ ยังเป็นเพียงอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่วางขายในวงจำกัด ตามร้านที่ขายของเกี่ยวกับสุขภาพหรือการกีฬา หรืออาจวางขายในร้านที่ขายของเกี่ยวกับอุปกรณ์เอาต์ดอร์หรืออุปกรณ์เดินป่าเท่านั้น ในขณะนั้นเราต้องยอมรับว่าเจ้ากระบอกหรือขวดรียูสนี้เป็นเพียงเรื่องของคนไม่กี่กลุ่มเท่านั้น

 

แต่ในปัจจุบันมูลค่าตลาดของขวดน้ำรียูสนั้นเฟื่องฟูสุดฤทธิ์ เพราะในปี 2015 ที่ผ่านมา มูลค่าตลาดขวดน้ำรียูสนั้นมีมูลค่าประมาณ 7.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2.4 แสนล้านบาทไทย และมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอีกที่ราว 10.19 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3.4 แสนล้านบาทไทยภายในปี 2024 ซึ่งภายในตัวเลขดังกล่าวนั้น คุณรู้หรือไม่ว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเรานี่แหละที่เป็นผู้ครองตลาดเกือบครึ่งที่ 40% ตามมาด้วยยุโรป อเมริกาเหนือ และแอฟริกาที่ตัวเลขจะค่อยๆ ขยับสูงขึ้นในอนาคต

 

via GIPHY

 

สถานการณ์ ‘ขวดน้ำ’ ในเอเชียแปซิฟิก

ถึงแม้ตลาดขวดน้ำรียูสที่เราเพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่จะมีปริมาณการเติบโตที่สูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันหากเราหันมาโฟกัสแค่เพียงในตลาดของฝั่งเอเชียแปซิฟิกภูมิภาคของเรา คุณจะพบว่าการที่ตลาดขวดน้ำรียูสมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นนั้นเกิดขึ้นด้วยเหตุผลง่ายๆ เพราะคนเอเชียนั้นมีอัตราการซื้อ-ขายเจ้าขวดน้ำรียูสนี้สูงมากผ่านทางออนไลน์ซึ่งแทบจะเป็นตัวเลขทั้งหมดของตลาด ซึ่งก็น่ากลับมาคิดต่อว่า หากขวดน้ำรียูสเป็นที่นิยมขนาดนี้ แล้วอุตสาหกรรมขวดน้ำดื่มทั่วไปจะได้รับผลกระทบอย่างไร ในเมื่อคนส่วนใหญ่อาจไม่จำเป็นต้องพึ่งพาน้ำดื่มแบบขวดอีกแล้ว

 

แต่ผลที่ได้กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมูลค่าตลาดของ ‘น้ำดื่มแบบขวด’ (Water Bottles) ในเอเชียแปซิฟิกเองก็ไม่ได้ลดถอยลงไป กลับมีตัวเลขสูงขึ้นเช่นกัน โดยมีปริมาณตัวเลขที่สูงขึ้นมากจากปี 2013 เติบโตขึ้นปีละราว 9% และมีการประมาณการไว้ว่า ภายในปี 2021 ตลาดน้ำดื่มแบบขวดจะเจริญเติบโตราว 10% ต่อปี ซึ่งอาจเป็นได้ว่าภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกนี้มีจำนวนประชากรมาก แต่เราเองต่างก็มีโครงสร้างพื้นฐานและจำนวนการเข้าถึงน้ำดื่มสะอาดที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงทำให้ตลาดน้ำดื่มแบบขวดยังคงมีปริมาณมากขึ้น คุณลองนึกภาพว่าคุณจะเดินทื่อๆ เข้าไปขอรับ ‘Tap’ (น้ำดื่มก๊อก) จากร้านอาหารในบ้านเราไหม ก็คงไม่น่าใช่สิ่งแรกที่คุณเลือกหรอกจริงไหม

 

Photo: Environment & American Lit

 

หรือขวดน้ำรียูสคือสถานภาพทางสังคมรูปแบบใหม่?

หากเราเมียงมองไปยังราคาของ ‘ขวดน้ำรียูส’ เองก็พบว่า มีราคาแตกต่างกันไปมากมาย ตั้งแต่ขวดทั่วไปจากร้านกาแฟแบรนด์ดัง หรือเทรนด์ขวดยี่ห้อดังอย่าง Yeti, Klean Kanteen หรือ Zojirushi ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในบ้านเรา กับราคาที่มาพร้อมคุณภาพ หรือแท้จริงแล้วมันคือราคาที่มาพร้อมกับสถานภาพทางสังคมกันล่ะ? แน่นอนว่าตามการวิจัยเผยว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคสักคนเลือกซื้อหาขวดน้ำรียูส ก็เพราะ การปรากฏของเจ้าสิ่งนี้ตามสื่อ หรือกลุ่ม Social Influencer ต่างๆ ซึ่งขับเน้นเรื่องงานดีไซน์มากขึ้นอย่างการพะยี่ห้อแบรนด์ลงไปอย่างสวยงาม จึงไม่แปลกหากใครเห็นแล้วอยากจะจับจองเป็นเจ้าของสักใบ

 

แนวโน้มเทรนด์ลดใช้พลาสติกด้วยการเลือกใช้ ‘ขวดน้ำรียูส’ นี้ แน่นอนว่ามันพ่วงไปกับแนวคิด ‘สีเขียว’ อันเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ของโลก หรือการเป็นคนที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แน่นอนว่ากลุ่มคนที่ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากที่สุดส่วนใหญ่เป็นกลุ่มมิลเลนเนียลส์ (กลุ่มคนที่เติบโตมาในช่วงปี 2000) ที่ตระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ พวกเขาพร้อมจ่ายเงินเพื่อให้ได้สิ่งที่ ‘สามารถ’ ช่วยเหลือโลกได้ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม

 

Photo: S’well และ BKR

 

นอกเหนือจากเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว ขวดน้ำรียูสนี้ได้กลายมาเป็นเครื่องหมายหนึ่งของ ‘ไลฟ์สไตล์’ ของคนในปัจจุบันไปโดยปริยาย และมันกำลังคืบคลานเข้าไปอยู่ในวงการอื่นๆ เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมบางอย่าง เช่น วงการแฟชั่น ที่หลายๆ แบรนด์เริ่มผลิตขวดน้ำรียูสนี้ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ภักดีต่อแบรนด์ ให้พวกเขาได้มีรสนิยมและคุณค่าของแบรนด์พ่วงติดไว้กับขวดน้ำ รวมไปถึงการใส่เรื่องราวดีๆ เข้าไปเพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกอิ่มเอิบกับสตอรีเหล่านั้น เช่น แบรนด์ S’well จะนำรายได้ส่วนหนึ่งการจากขายขวดน้ำไปมอบให้กับมูลนิธิต่างๆ

 

“พูดกันตามตรง ขวดน้ำรียูสนี้ก็คล้ายจะเป็นเครื่องมือในครัวเรือนชนิดหนึ่ง เมื่อก่อนมันอาจไม่ได้มีหน้าตาที่สวยงาม แต่หลังๆ เริ่มมีสีทอง เงิน สีรุ้ง หรืออะไรก็ตามที่ทำให้คนใช้รู้สึกมากกว่าการเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือน มันกลายเป็นเรื่องการรับรู้ทางสุนทรียศาสตร์ของมนุษย์ไปแล้ว” Taryn Tavella บรรณาธิการร่วมผู้เชี่ยวชาญเรื่องการประเมินเทรนด์ของอุตสาหกรรมเปิดเผยความคิดเห็นของเธอผ่านเว็บไซต์ Refinery29

 

Photo: Mirror

 

ขวดน้ำรียูส เพื่อนซี้สุดแฟนซี

แน่นอนว่าตัวเอกของเทรนด์รักษ์โลกล่าสุดนี้คือ ‘ขวดน้ำรียูส’ ที่ต่างดาหน้ากันเข้ามาตอบรับความต้องการนั้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับบริการเครื่องดื่มจากร้านค้าต่างๆ ด้วยขวดเพียงใบเดียว ไม่ใช้ขวดพลาสติกและหลอด ซึ่งจากการศึกษาของ Report Buyer พบว่า ตลาดขวดน้ำรียูสนี้มีความหลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่ในเรื่องรูปร่าง ปริมาณความจุ หรือวัสดุที่ใช้ทำขวดน้ำที่มีให้เลือกหลากหลาย เช่น โพลิเมอร์ เหล็ก หรือซิลิโคน รวมไปถึงการนำเสนอฟังก์ชันใหม่ๆ เข้าไปอย่างการมีตัวกรองน้ำภายในขวด ครบจบในขวดเดียว

 

นอกจากนี้หลายๆ แบรนด์เองก็เริ่มสรรหารูปแบบใหม่ๆ ของเจ้าขวดน้ำรียูสนี้ขึ้นมาเป็นจุดขาย เช่น การสกรีนชื่อเจ้าของลงไปบนขวด หรือขวดน้ำสีทองอร่ามน่าจับต้องของ S’well จากแบรนด์ Swarovski ที่ถึงแม้ราคาจะสูงแต่ก็มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยพร้อมหาซื้อขวดน้ำนี้ไว้เพราะความสวยงามของมัน หรือขวดน้ำจากแบรนด์ Kauss ที่เคลมว่าขวดน้ำของเขารักษาความเย็นได้ 24 ชั่วโมงเอง ก็พ่วงสโลแกนที่ว่า ‘a better drinking experience and the opportunity to do a little extra good for the world’ หรือ ‘ประสบการณ์การดื่มน้ำที่ดีกว่า และสร้างโอกาสให้คุณได้ทำสิ่งดีๆ เล็กๆ น้อยๆ ให้กับโลก’ เพื่อเสริมความน่าสนใจเข้าไป

 

และจากรายงานพบว่า ผู้ที่หันมาเลือกใช้ขวดน้ำรียูส เลือกใช้สิ่งนี้เป็นของข้างกายไปโดยปริยาย อย่างเช่น การหิ้วขวดไปไหนมาไหนด้วยตลอดวัน หรือเพียงแค่นำไปใช้ในช่วงที่ทำกิจกรรมทางกีฬาหรือระหว่างท่องเที่ยว ซึ่งถ้าหากคุณมีเวลาว่างพอ ลองเสิร์ชแฮชแท็ก #waterbottle ในอินสตาแกรมดูสิ ละลานตาความแฟนซีที่แท้จริง

 

 

Got merch? Enjoy your next outing Origin-style. #OriginLife

A post shared by Origin Red Rocks (@origin_redrocks) on

 

ไม่ใช่เพียงแค่ ‘ขวดน้ำรียูส’ สามารถช่วยให้ผู้คนหันมาตระหนักถึงการลดใช้พลาสติก (หรืออาจถึงขั้นเลิกใช้) แต่มันช่วยสร้างการรับรู้ให้ผู้คนอื่นๆ เห็นถึงวิธีแก้ไขปัญหาที่เล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่ ฉะนั้นไอ้ครั้นคุณจะซื้อกระบอกน้ำใบละหลายพันก็สุดแล้วแต่รสนิยม หรือคุณจะพึงพอใจกับขวดน้ำรียูสคู่ใจที่ซื้อมานมนานใบละไม่กี่ร้อย พวกเราต่างก็มีส่วนช่วยในการสร้างสรรค์วิถีชีวิตใหม่ๆ ของมนุษย์ ให้เราได้ช่วยโลกกันคนละไม้คนละมือก็เป็นสิ่งที่น่าพึงพอใจแล้ว

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X