ข่าวการเตรียมอำลาตำแหน่งของ บรูซ บัค ประธานสโมสรผู้รับใช้เชลซีมายาวนานตั้งแต่ปี 2003 ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์
โดยแม้จะไม่ได้เป็นคนที่ออกหน้ามากนักตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่บัคซึ่งได้รับมอบหมายจาก โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสร ให้ช่วยดูแลทีม คือคนสำคัญที่ช่วยวางรากฐานให้เชลซีประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เฉพาะแค่ทีมฟุตบอลชายที่ก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของวงการลูกหนังยุโรป แต่ยังรวมถึงทีมฟุตบอลหญิงและระบบเยาวชนอันแข็งแกร่ง
“ผมภูมิใจที่ได้ช่วยให้เชลซีได้ตระหนักถึงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในสโมสรและสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นกับชุมชน” บัคกล่าวในแถลงการณ์บนเว็บไซต์ทางการของสโมสรเชลซี “ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะลงจากตำแหน่งและเปิดทางให้เจ้าของใหม่ได้สร้างผลงานต่อจากรากฐานอันแข็งแกร่งที่เราวางเอาไว้”
สำหรับตำแหน่งของบัคนั้นคาดว่า ทอดด์ โบห์ลี เจ้าของร่วมทีมเบสบอลแอลเอ ดอดเจอร์ส ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มทุนเจ้าของสโมสรใหม่จะเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าวด้วยตัวเอง โดยบัคจะทำงานวันสุดท้ายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้
แต่ประธานสโมสรไม่ได้อำลาทีมแค่คนเดียว โดย Telegraph รายงานว่า มารินา กรานอฟสกายา ผู้อำนวยการสโมสรคนเก่งที่เป็นดอกไม้เหล็กแห่งสแตมฟอร์ดบริดจ์ จะเป็นอีกหนึ่งคนที่อำลาตำแหน่งด้วย และการอำลาของเธอคือการส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในระดับบริหารที่ชัดเจนที่สุดของเชลซี
กรานอฟสกายาคือคนใกล้ชิดของอบราโมวิช ที่ตามคำบรรยายบนเว็บไซต์ของเชลซีคือคนที่ ‘ปฏิบัติงานแทนเจ้าของสโมสรในสนามและเพื่อสนับสนุนการทำงานของบอร์ดบริหาร’ มาตั้งแต่ปี 2010 เรียกได้ว่าเป็น ‘หมายเลข 2’ ของเชลซี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ความไว้วางใจของอบราโมวิชต่อกรานอฟสกายา ซึ่งเป็นลูกครึ่งรัสเซีย-แคนาดา ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะหลังสำเร็จการศึกษาจาก Moscow State University ก็ได้ทำงานให้กับอบราโมวิชมาตั้งแต่ปี 1997 ที่บริษัท Sibneft ซึ่งค้าขายน้ำมัน และเธอได้ย้ายมาอังกฤษไม่นานก่อนที่มหาเศรษฐีชาวรัสเซียจะเทคโอเวอร์สโมสรในปี 2003
ในปี 2013 กรานอฟสกายาได้เข้ามาเป็นบอร์ดบริหารของสโมสร โดยดูแลเรื่องของการซื้อขายผู้เล่นและเรื่องสัญญาณ โดยทำผลงานได้อย่างโดดเด่นจนได้รับรางวัลผู้อำนวยการสโมสรยอดเยี่ยมแห่งยุโรปใงานประกาศรางวัล Golden Boy ด้วย
ช่วงก่อนหน้านี้มีรายงานว่าเธออาจจะได้ทำงานต่อในถิ่นเดอะ บริดจ์ เนื่องจากตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาสามารถทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในการบริหารจัดการทีม แต่ล่าสุดดูเหมือนเจ้าของสโมสรใหม่อย่างโบห์ลี รวมถึง Clearlake Capital ที่เป็นนายทุน จะต้องการ ‘ล้างไพ่’ ทั้งหมด ไม่ให้เหลือคนของอบราโมวิชในตำแหน่งสำคัญอีก
โดยคนแรกที่ออกไปคือ กาย ลอว์เรนซ์ ซีอีโอของสโมสร ก่อนจะถึงคิวของบัคและกรานอฟสกายา ซึ่งอย่างน้อยที่สุดทั้งสองได้รับเงินโบนัสก้อนโตจากการมีส่วนช่วยทำให้การเทคโอเวอร์เกิดขึ้น ซึ่งโบนัสนั้นมีมูลค่ารวมกันถึง 50 ล้านปอนด์ โดยนอกจากผู้บริหารทั้งสองจะมีการแบ่งให้แก่สตาฟฟ์ในระดับสูงที่ช่วยปิดดีลด้วย
การอำลาของกรานอฟสกายาจะนำไปสู่คำถามในเรื่องอนาคตของ ปีเตอร์ เช็ก ที่ปรึกษาฝ่าย Technical and Performance ซึ่งเป็น ‘สะพาน’ เชื่อมกับ โธมัส ทูเคิล โดยทั้งสองทำงานกันอย่างใกล้ชิด ทั้งในเรื่องของทีมฟุตบอลและเรื่องของการซื้อขายผู้เล่น
โดยเช็ก อดีตผู้รักษาประตูระดับตำนานของทีม ได้กลับมาทำงานในสแตมฟอร์ดบริดจ์อีกครั้งตามคำร้องขอของกรานอฟสกายา ซึ่งการที่ดอกไม้เหล็กแห่งเดอะ บริดจ์เตรียมอำลา ทำให้เช็กอาจตัดสินใจอำลาตามไปด้วยแม้ว่ากลุ่มเจ้าของใหม่จะต้องการให้อยู่ทำหน้าที่ต่อไปก็ตาม
เรียกได้ว่าสถานการณ์ของเชลซีนั้นไม่ได้น่าจับตามองแค่ในสนาม ซึ่งเวลานี้กำลังมีความพยายามผ่องถ่าย โรเมลู ลูกากู ศูนย์หน้าที่ไม่เป็นที่ต้องการออกไป และหาทางคว้า ราฮีม สเตอร์ลิง กองหน้าความเร็วสูงมาจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้แทน
การเปลี่ยนแปลงนอกสนามก็น่าจับตามองไม่แพ้กัน และอาจจะน่าสนใจกว่าด้วย
อ้างอิง: