หลังจากที่ประธานาธิบดีเอโบ โมราเลส ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เนื่องจากเหตุความไม่สงบภายในประเทศ ประชาชนจำนวนมากต่างออกมาชุมนุมประท้วงผลการเลือกตั้งที่เขาได้รับชัยชนะ นั่งเก้าอี้บริหารประเทศเป็นสมัยที่ 4
ล่าสุด เมื่อวานที่ผ่านมา (12 พฤศจิกายน) อดีตประธานาธิบดีโมราเลสเดินทางถึงเม็กซิโกแล้ว เพื่อขอลี้ภัยทางการเมือง หลังจากที่รู้สึกว่าตนตกอยู่ในอันตราย และถูกตั้งค่าหัว 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.5 ล้านบาท) จากกลุ่มผู้วางแผนทำการรัฐประหาร
โมราเลสยอมรับว่า ตนถูกบีบให้ออกจากตำแหน่งหลังได้รับชัยชนะ อีกทั้งยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ ตนจึงตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งในท้ายที่สุด เพื่อให้เหตุความไม่สงบในประเทศยุติโดยเร็ว ซึ่งในขณะนี้ เฆนีน อันเญซ รองประธานวุฒิสภาประกาศตนรักษาการตำแหน่งประธานาธิบดีโบลิเวีย เพื่อยุติสภาวะสุญญากาศทางการเมือง โดยให้สัญญาจะจัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด
โมราเลสถือเป็นอดีตเกษตรปลูกโกโก้ที่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2005 และก้าวขึ้นเป็นผู้นำโบลิเวียคนแรกที่เป็นชาวพื้นเมือง ก่อนที่จะถูกกล่าวหาว่าตนทุจริตในการเลือกตั้งผู้นำครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2019 หลังกวาดคะแนน 47.08% คว้าสิทธินั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 4
“ในขณะที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมจะยังคงอยู่ในพื้นที่ทางการเมือง การต่อสู้จะยังคงดำเนินต่อไป ทุกคนบนโลกล้วนมีสิทธิที่จะปลดปล่อยตัวเองออกจากการแบ่งแยก และความอัปยศอดสู”
ภาพ: Hector Vivas / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: