Evergrande บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับ 2 ของจีน ซึ่งกำลังเผชิญกับวิกฤตหนี้มูลค่ามากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะนี้ กำลังจะพบกับบททดสอบแรกในวันพฤหัสบดีนี้ (23 กันยายน) โดยนักลงทุนต่างจับตาดูกันว่า Evergrande จะสามารถจ่ายดอกเบี้ยจำนวน 83 ล้านดอลลาร์ของบอนด์สกุลเงินดอลลาร์อายุ 5 ปี มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ของบริษัทที่จะครบกำหนดชำระในวันดังกล่าวได้หรือไม่
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Evergrande ได้ส่งผลให้ผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 5 ปีดังกล่าวทยานขึ้นเป็น 560% จากที่ผลตอบแทนในช่วงต้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ราว 10% เท่านั้น
นอกจากนี้ Evergrande ยังมีกำหนดต้องชำระดอกเบี้ยของบอนด์สกุลดอลลาร์อายุ 7 ปี ต่อคิวรออยู่อีกในวันพุธหน้า (29 กันยายน)
“สิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ตลาดเฝ้าติดตามมากกว่าผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันเดียวกัน” Ray Attrill หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนของ The National Australia Bank กล่าว
แม้ว่าล่าสุด Hui Ka Yan ประธานบริษัท Evergrande จะส่งจดหมายแจ้งพนักงานบริษัทว่า เขายังเชื่อมั่นว่าบริษัทจะก้าวข้ามช่วงเวลาอันมืดหม่นนี้ไปได้โดยเร็ว แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคาดการณ์ว่า Evergrande จะผิดนัดชำระดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีนี้ แม้ว่าในทางเทคนิคบริษัทจะยังมีเวลาอีก 30 วันหลังครบกำหนดเพื่อชำระดอกเบี้ยก็ตาม
โดย S&P Global Ratings ระบุในรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ‘มีความเป็นไปได้สูง’ ที่ Evergrande จะไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยดังกล่าวได้
มุมมองเชิงลบของตลาดต่อโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้ของ Evergrande ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทในตลาดฮ่องกงร่วงลง 7% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นกู้ของบริษัทก็ถูกปรับ Credit Rating ลงมาเป็น Junk Bond
“ข้อเท็จจริงก็คือ Evergrande ผิดนัดชำระไปแล้วในทางเทคนิค หลังจากที่บริษัทไม่สามารถจ่ายคืนดอกเบี้ยเงินกู้ที่ครบกำหนดชำระให้กับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ได้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา” Vishnu Varathan หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และกลยุทธ์ Mizuho Bank กล่าว
Varathan ระบุว่า ความเสี่ยงที่ Evergrande จะผิดนัดชำระเพิ่มเติมอีกในสัปดาห์นี้สร้างความกังวลให้กับตลาดค่อนข้างมาก เนื่องจากพันธบัตรของ Evergrande มีสัดส่วนมากถึง 11% ของ High Yield บอนด์ในเอเชีย
นักวิเคราะห์ยังประเมินอีกว่า ในช่วงแรกนี้สถาบันการเงินและนักลงทุนในต่างประเทศจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการผิดชำระหนี้ของ Evergrande มากกว่านักลงทุนในประเทศ โดยมีความเป็นไปได้ที่ Evergrande จะเลือกให้ความสำคัญกับการชำระหนี้พันธบัตรสกุลเงินหยวนที่ผู้ถือส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อยและผู้ซื้อบ้านในประเทศก่อน
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักลงทุนรายย่อยราว 100 คนบุกไปที่สำนักงานใหญ่ของ Evergrande ในเซินเจิ้น เพื่อเรียกร้องของเงินลงทุนในธุรกิจบริหารจัดการความมั่งคั่งในอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทคืน
“เราอาจต้องจับตาดูว่า Evergrande จะเลือกผิดนัดชำระ Offshore Bond โดยให้ความสำคัญกับการชำระหนี้ Onshore Bond ก่อนหรือไม่ หากเป็นไปตามนี้กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศและสถาบันจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบ” Varathan กล่าว
ข้อมูลจาก Morningstar Direct ได้เปิดเผยรายชื่อของกองทุนที่มีความเชื่อมโยงกับบอนด์ของ Evergrande ในสัดส่วนสูง ได้แก่ Fidelity Asian High Yield Fund, UBS (Lux) BS Asian High Yield (USD), HSBC Global Investment Funds – Asia High Yield Bond XC, PIMCO GIS Asia High Yield Bond Fund, Blackrock BGF Asian High Yield Bond Fund และ Allianz Dynamic Asian High Yield Bond
อ้างอิง: