เป็นที่น่าสนใจว่า ตอนนี้หัวหินกำลังกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่บรรดาผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์กำลังบุกไปเปิดโครงการอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นที่มาของคำถามที่ว่า กำลังซื้อจะมีเพียงพอสำหรับโครงการใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่?
“หัวหินยังเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงของอสังหาริมทรัพย์ไทย” ดิฐวัฒน์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH พร้อมขยายความว่า ในปัจจุบันตลาดชะอำ-หัวหินยังเป็นพื้นที่ที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ เพราะเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ส่งผลให้ดีมานด์ที่อยู่อาศัยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งซื้อเพื่ออยู่เอง ซื้อเพื่อการลงทุน ซื้อเพื่อเป็นบ้านพักหลังที่สอง เพราะโซนหัวหินนอกจากจะมีทะเลและหาดทรายสวยแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของสนามกอล์ฟชั้นนำของประเทศไทย เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการใช้เวลาช่วงวันหยุดไปกับการเล่นกอล์ฟท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ
ขณะที่ปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมยังมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นไปอีก จากโครงการต่างๆ ของภาครัฐที่กำลังพัฒนาขึ้น เช่น โครงการผลักดันให้หัวหินเป็นชายทะเลเพื่อการพักผ่อนระดับโลก, โครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน, โครงการมอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ และโครงการปรับปรุงและขยายสนามบินหัวหิน
ดิฐวัฒน์กล่าวต่อว่า ในส่วนของกลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียมในหัวหิน จากเดิมคนไทยมักจะเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่เลือกซื้อคอนโดมิเนียมที่หัวหินไว้เป็นบ้านหลังที่สอง แต่หลังจากปี 2563 เป็นต้นมา เริ่มมีชาวต่างชาติให้ความสนใจซื้อคอนโดมิเนียมในหัวหินกันมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวยุโรป
โดยเฉพาะชาวรัสเซีย ซึ่งเป็นเชื้อชาติที่มีการซื้อคอนโดมิเนียมในหัวหินเป็นอันดับ 2 รองจากคนไทย และมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงปีที่ผ่านมา โดยภาพรวมถือว่าตลาดหัวหินนับว่ามีดีมานด์ที่ต่อเนื่องและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืน
หลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มผ่อนคลาย นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างหัวหินจะเป็นพื้นที่ลำดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจเป็นพิเศษ ซึ่งการพัฒนาโครงการที่อยู่ริมชายหาดหรืออยู่โซนชายหาด ใกล้ชายหาดห่างออกไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตร จะเป็นโซนที่ชาวต่างชาติโดยเฉพาะยุโรปที่มีภรรยาคนไทยซื้อไว้เป็นบ้านพัก ได้รับความนิยมดี
“ในส่วนของราคาอสังหาริมทรัพย์หัวหินถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีค่าครองชีพต่ำ ราคาอสังหาริมทรัพย์จึงอยู่ในระดับที่จับต้องได้ ซึ่งเชื่อว่าถูกกว่าเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ของไทยอยู่มาก ขณะที่ราคาประเมินที่ดินของหัวหินและราคาคอนโดมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามดีมานด์ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในโอกาสนี้จึงเป็นจังหวะที่ดีของการซื้ออสังหาเพื่อเก็งกำไร”
สำหรับร่วมอิสสระนั้นเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด, บมจ.ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ บมจ.สหพัฒนพิบูล จำกัด ซึ่งได้พัฒนา ‘ศศรา หัวหิน’ เป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise ตั้งอยู่บริเวณชายหาดเขาตะเกียบ โดยอยู่ช่วงต้นหาดซอยหัวหิน 97 – ซอยอ่าวหัวดอน ซอย 5 บนที่ดินกว่า 5 ไร่ เป็นอาคารสูง 4 ชั้น 5 อาคาร จำนวนเพียง 110 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,500 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในไตรมาส 2 ปี 2565 มีห้องให้เลือกถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ ห้องแบบ 1 ห้องนอน, ห้องแบบ 2 ห้องนอน และห้องแบบ 3 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท
“ตั้งแต่เปิดโครงการศศรา หัวหิน ไปเมื่อปี 2564 ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เพราะนอกจากการได้ทำเลที่ตั้งของโครงการที่ดีและหายาก ยังเป็นที่ดินผืนสุดท้ายที่สวยที่สุดก็ว่าได้ โดยปัจจุบันมียอดจองโครงการไปแล้วกว่า 70% และจะเริ่มทยอยโอนได้ในปลายปี 2566 ตั้งเป้าปี 2567 ยอดขายเพิ่ม 20%”
ผลตอบรับดังกล่าวทำให้ล่าสุดร่วมอิสสระตัดสินใจเปิดเพิ่มอีก 1 โครงการ ได้แก่ SASA Hua Hin (ซาซ่าส์ หัวหิน) มูลค่าโครงการ 1,709 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 7 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 248 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท
“เราได้เจอที่ดินผืนงามอีกแห่งหนึ่ง จุดเด่นของที่นี่ทำเลวิวทะเลและใกล้สนามกอล์ฟ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ และมีกิจกรรมไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย จึงเป็นที่มาของการเปิดตัวโครงการซาซ่าส์ หัวหิน”
โครงการซาซ่าส์ หัวหิน จะจับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อรองลงมาจากศศรา หัวหิน สะท้อนได้จากราคาเริ่มต้นที่ห่างกันเกือบ 2 ล้านบาท โดยปัจจุบันนั้นได้มียอดจองไปแล้ว 20% คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีจะอยู่ที่ราว 40-50%
