×

EURO 2020: เกมบิ๊กแมตช์แห่งรอบก่อนรองชนะเลิศ เบลเยียม ปะทะ อิตาลี

โดย THE STANDARD TEAM
02.07.2021
  • LOADING...
EURO 2020: เกมบิ๊กแมตช์แห่งรอบก่อนรองชนะเลิศ อิตาลี ปะทะ เบลเยียม

HIGHLIGHTS

4 mins. read
  • โรแบร์โต มาร์ติเนซ ยังไม่บอกว่า เควิน เดอ บรอยน์ กับ เอเดน อาซาร์ สามารถลงสนามเกมนี้ได้หรือไม่ โดยบอกเพียงว่าต้องไปลุ้นในนาทีสุดท้าย
  • จอร์โจ คิเอลลินี กลับมาซ้อมกับทีมชาติอิตาลีได้ 2 วันแล้ว และฟิตพร้อมที่จะลงช่วยทีมได้ในค่ำคืนนี้ นั่นหมายความว่าอิตาลีจะมีผู้เล่นให้เลือกใช้ได้ครบ 26 คน
  • สวิตเซอร์แลนด์จะขาด กรานิต ชากา ผู้เล่นคนสำคัญที่ติดโทษแบนหลังได้รับใบเหลืองเพิ่มในเกมล้มฝรั่งเศส รอบ 15 ทีมสุดท้าย
  • สเปนไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหรือติดโทษแบนแต่อย่างใด หลังโชว์ผลงานยอดเยี่ยมกลายเป็นชาติแรกที่ยิงประตู 5 ลูกได้ 2 นัดติดเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยูโร

รอบก่อนรองชนะเลิศ หรือรอบ 8 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลยูโร 2020 กำลังจะเปิดฉากขึ้นในค่ำคืนนี้ เพื่อหา 4 ทีมสุดท้ายเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ โดยหลังจากนี้เกมทั้งหมดจะไปเล่นกันในสนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ 

 

ดังนั้นในรอบก่อนรองชนะเลิศนี้จึงเป็นรอบสุดท้ายที่เกมจะได้เล่นในชาติต่างๆ ทั่วยุโรป และค่ำคืนนี้เกมทั้ง 2 คู่ก็ต่างเป็นเกมที่น่าสนใจ ทั้ง เบลเยียม พบ อิตาลี เวลา 02.00 น. และ สวิตเซอร์แลนด์ พบ สเปน ในเวลา 23.00 น.

 

เบลเยียม อาจต้องเล่นเกมนี้โดยไม่มี เควิน เดอ บรอยน์ (คนขวามือ)

 

เบลเยียม vs. อิตาลี ศึกบิ๊กแมตช์ระหว่างปีศาจแดงแห่งยุโรปที่พิการ และอัซซูรีที่สมบูรณ์

 อันที่จริงแล้วเกมคู่นี้เป็นที่คาดหวังของแฟนบอลยิ่งกว่านี้ แต่จากอาการบาดเจ็บของ เควิน เดอ บรอยน์ และ เอเดน อาซาร์ ทำให้ราศีของเบลเยียมตกลงไปพอสมควร อย่างไรก็ตาม นี่ก็ยังเป็นเกมการเจอกันของสองทีมตัวเต็งในศึกครั้งนี้ และน่าจะเป็นสองทีมที่ดีที่สุดของสายบน เพราะพวกเขาชนะรวดมาทุกนัดจนมาเจอกันเองในเกมนี้ ดังนั้นเกมคู่ดึกที่สนามฟุตบอลอารีนา มิวนิกต้องสมกับการรอคอยแน่นอน

 

เบลเยียมเป็นทีมที่โชคร้าย ที่ยิ่งเล่นยิ่งเสียนักเตะไปตามระยะเวลาที่ลงสนาม โดยในนัดแรกพวกเขายังไม่มี เควิน เดอ บรอยน์ ที่พักรักษาอาการบาดเจ็บบริเวณใบหน้า แต่ทีมต้องมาเสีย ทิโมธี กาสตาญ จนผ่านมาในรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขาก็ต้องเจอกับปัญหานักเตะบาดเจ็บถึง 2 คน โดยทั้งคู่เป็นหัวใจสำคัญในแดนกลาง ทั้ง เอเดน อาซาร์ และ เควิน เดอ บรอยน์ โดยอาการของทั้งคู่ค่อนข้างหนัก

 

รายงานฉบับแรกของสื่อต่างๆ ระบุว่า ทั้ง 2 คนไม่สามารถลงสนามได้แน่นอน แต่ล่าสุด โรแบร์โต มาร์ติเนซ โค้ชของเบลเยียม เปิดเผยในงานแถลงข่าวก่อนเกมว่า ทีมยังจะรอความหวังถึงนาทีสุดท้ายด้วยการเช็กความฟิตก่อนเกมว่านักเตะจะสามารถผ่านความฟิตมาติดทีมได้หรือไม่ ดังนั้นอาการของสองหัวใจในแดนกลางของทีมน่าจะหนักและไม่ธรรมดาจริงๆ

 

ตรงกันข้ามกับเบลเยียม เพราะอิตาลีมีช่วงเวลาที่ดีกว่าจากการจะได้ จอร์โจ คิเอลลินี กัปตันทีมที่บาดเจ็บไปในรอบแบ่งกลุ่มกลับคืนทีมอีกครั้ง หลังนักเตะกลับมาซ้อมแบบเต็มโปรแกรมได้ 2 วันแล้ว ขณะที่ อเลสซานโดร ฟลอเรนซี ก็หายเจ็บกลับมาซ้อมได้เช่นกัน นั่นหมาความว่าทั้ง 26 คนของทีมชาติอิตาลีพร้อมให้ โรแบร์โต มันชีนี จับไปใช้งานได้ในทุกตำแหน่ง โดยมีรายงานก่อนเกมว่า นัดนี้ เฟเดริโก คิเอซา ฮีโร่ตัวสำรองจากเกมพบออสเตรีย จะได้สตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงด้วย

 

อิตาลีผลงานค่อนข้างข่มเบลเยียม โดยการเจอกัน 5 นัด อิตาลีชนะไปถึง 4 นัด และ แพ้แค่ 1 นัด โดยหากนับในเการเจอกันทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่าง ยูโร หรือฟุตบอลโลก 3 ครั้ง อิตาลีชนะเรียบ และชนะด้วยสกอร์ค่อนข้างขาดทั้ง 4-1, 2-0 และ 2-0 โดยครั้งสุดท้ายที่เพิ่งเจอกันในฟุตบอลยูโร 2016 ก็เป็นอิตาลี ที่ทำได้ดีกว่าเอาชนะไปได้ 2-0 เกมนี้จึงไม่ใช่โจทย์ที่ง่ายของมาร์ติเนซแน่นอน เพราะทีมเป็นรองทั้งสถิติและความฟิตก่อนเกมนี้

 

สวิตเซอร์แลนด์สร้างปาฏิหาริย์ล้มฝรั่งเศสได้ พวกเขาจะทำมันได้อีกครั้งกับสเปนหรือไม่?

 

สวิตเซอร์แลนด์ vs. สเปน การปะทะกันของม้ามืดฟอร์มเยี่ยมกับยักษ์ใหญ่ฟอร์มยอด

สวิตเซอร์แลนด์สร้างความประทับใจแก่แฟนบอลได้หลังไล่ตีเสมอฝรั่งเศสได้ใน 90 นาที ก่อนลากไปดวลลูกที่จุดโทษ และเอาชนะมาได้ในช่วงเวลาดังกล่าว ขณะที่สเปนก็ต้องเล่น 120 นาทีเช่นกัน แต่ไม่ต้องไปถึงช่วงการดวลลูกที่จุดโทษ หลังเอาชนะโครเอเชีย 5-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ดังนั้นทั้ง 2 ทีมต่างไม่มีใครเสียเปรียบใครมากนักในเรื่องพละกำลัง และทำให้เกมที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในเวลา 23.00 น. ค่ำคืนนี้น่าสนใจมาก

 

แม้จะไม่มีนักเตะบาดเจ็บให้เป็นกังวล แต่สวิตเซอร์แลนด์จะไม่มีกองกลางตัวเก่งอย่าง กรานิต ชากา ในเกมนี้ หลังนักเตะติดโทษแบนจากการโดนใบเหลืองเพิ่มในเกมเอาชนะฝรั่งเศส ทำให้จะหมดสิทธิ์ลงสนามช่วยทีม โดยตำแหน่งของเขานั้นจะไปตกกับ เดนิส ซากาเรีย ลงมาทำหน้าที่แทน ส่วนสเปนก็เรียกได้ว่าไร้กังวล เพราะทีมของพวกเขาฟิตพร้อมลงสนามกันครบทุกคนทุกตำแหน่ง

 

สเปนเป็นชาติแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยูโรที่ยิง 5 ประตูใส่คู่แข่งได้ 2 นัดติดต่อกัน นั่นหมายความว่าเกมรุกของพวกเขากลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้งหลังจาก 2 นัดแรกในรอบแบ่งกลุ่มค่อนข้างฝืด แต่ทีมจากแดนนาฬิกาก็มีทีเด็ดที่การขึ้นเกมจากฝั่งซ้าย ซึ่ง สตีเวน ซูเบอร์ ทำไปแล้ว 4 แอสซิสต์ กลายเป็นนักเตะที่ทำแอสซิสต์มากที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลยูโรหนึ่งครั้งไปแล้วในตอนนี้ แถม ฮาริส เซเฟโรวิช ก็ทำสถิติเป็นนักเตะคนที่ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ยิงประตูได้ 2 เกมติดต่อกันในฟุตบอลยูโร โดยอีกคนคือ ฮาคาน ยาคิน ที่ทำได้ในปี 2008 ซึ่งพอจะบอกได้ว่าพวกเขาก็มีพิษสงอยู่

 

โดยการเจอกันที่ผ่านมา ทางฝั่งสเปนดูเหนือกว่าอย่างชัดเจน จากการเจอกัน 6 นัด สเปนชนะ 3 นัด เสมอ 2 นัด และแพ้ 1 นัด แต่น่าสนใจว่าการเจอกันครั้งล่าสุดในเนชันส์ลีกเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน สเปนไม่สามารถเอาชนะสวิตเซอร์แลนด์ที่เหลือ 10 คนได้ และอย่าลืมว่าทางสวิตเซอร์แลนด์เองก็มีสถิติไม่ได้เหนือกว่าฝรั่งเศสก่อนเกมการแข่งขัน แต่พวกเขาก็ล้มยักษ์มาแล้วเช่นกัน

 

ดังนั้นตัวเลขที่ผ่านมาอาจจะไม่สามารถการันตีอะไรได้ในฟุตบอลนัดเดียวจบแบบนี้

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising