วานนี้ (12 ธันวาคม) บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศประจำสหภาพยุโรป (EU) ต่างเห็นพ้องประกาศคว่ำบาตรผู้นำระดับสูงของอิหร่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง รวมถึงประณามอิหร่านที่ขายโดรนสังหารให้แก่กองทัพรัสเซียนำไปใช้ทำสงครามในยูเครน
โดย EU ได้ประกาศลิสต์รายชื่อของผู้นำทางศาสนา เจ้าหน้าที่รัฐ และสื่อมวลชนภายใต้การกำกับของรัฐบาลอิหร่านกว่า 20 รายชื่อ บางรายเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนในอิหร่าน บางรายเกี่ยวข้องกับการซื้อขายโดรนให้แก่รัสเซีย อีกทั้งยังมีการอายัดทรัพย์สินของบุคคลเหล่านี้และแบนการเดินทางเข้าประเทศสมาชิกของ EU อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ทางการสหรัฐอเมริกาและแคนาดาก็เพิ่งประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ทางการอิหร่านเพิ่มเติม หลังจากละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน จับกุมผู้เห็นต่าง และใช้กำลังความรุนแรงปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วง เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้
โดยชนวนเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดกระแสลุกฮือและประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิสตรีในอิหร่าน เกิดขึ้นจากการเสียชีวิตของหญิงสาวชาวเคิร์ดวัยเพียง 22 ปีอย่าง มาห์ซา อามินี ที่ถูกตำรวจศีลธรรมของอิหร่านจับกุมตัวเนื่องจากแต่งกายไม่เหมาะสม ไม่สวมผ้าคลุมฮิญาบและเครื่องแต่งกายที่ปกคลุมท่อนแขนและขาขณะอยู่ในพื้นที่สาธารณะ และเสียชีวิตในท้ายที่สุด
ก่อนที่ทางการอิหร่านจะใช้มาตรการขั้นรุนแรง สั่งลงโทษประหารชีวิต โมห์เซน เชการี และ มาจิเดรซา ราห์นาวาร์ด ชายหนุ่มผู้ร่วมชุมนุมประท้วงวัยเพียง 23 ปีทั้งสองรายหลังถูกจับกุมตัว ด้วยวิธีการแขวนคอ โดยให้เหตุผลว่าพวกเขาเป็นกลุ่มผู้ประท้วงหัวรุนแรงและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ของรัฐ
เบื้องต้นสำนักข่าวที่ติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของนักสิทธิมนุษยชนอย่าง HRANA เผยว่า มีประชาชนชาวอิหร่านอย่างน้อย 488 รายถูกสังหารโดยเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของรัฐ และอีกกว่า 18,200 รายถูกจับกุมตัว ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลอิหร่านที่ต้องการจะสลายการชุมนุมประท้วงด้วยการใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตัวเลขของเจ้าหน้าที่รัฐที่เสียชีวิตขณะนี้อยู่ที่ 62 ราย
ภาพ: Yasin Akgul / AFP
อ้างอิง: