การอัปเกรด The Merge ของเครือข่าย Ethereum เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมาได้ผ่านพ้นไปด้วยดี เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่ง Ethereum ได้เปลี่ยนจากกลไก Proof-of-Work (PoW) เป็น Proof-of-Stake (PoS)
THE STANDARD WEALTH จะพาไปดูว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อบล็อกเชน Ethereum อย่างไรบ้าง
การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum คืออะไร
Ethereum ถือเป็นบล็อกเชน 2.0 ที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วยสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ที่เปิดประตูสู่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ รวมถึงการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi), NFT, การปล่อยกู้ และการยืมบนโปรโตคอลต่างๆ
การใช้งาน Ethereum ที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เครือข่ายเจอจำนวนธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ค่าธรรมเนียมสูงขึ้นอย่างมาก รวมถึงการใช้พลังงานที่มากขึ้นด้วย ดังนั้นการที่เครือข่ายเปลี่ยนจากกลไก Proof-of-Work (PoW) เป็น Proof-of-Stake (PoS) จึงมีความสำคัญ โดยการอัปเกรด The Merge จะทำให้ระบบสามารถประมวลผลปริมาณธุรกรรมจำนวนมากต่อวินาที โดยใช้พลังงานเพียงเสี้ยวเดียวจากแบบเดิม
การที่เครือข่ายไม่พึ่งพากลไก Proof-of-Work (PoW) หมายความว่า เหล่านักขุดจะไม่สามารถขุดเหรียญ ETH ได้อีกต่อไป แต่จะต้องซื้อเหรียญแล้วนำไป Lock Stake เหรียญแทน
3 สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป หลังจากอัปเกรด The Merge
- การใช้พลังงานของเครือข่ายลดลงเป็นอย่างมาก
การเปลี่ยนแปลงจากกลไก Proof-of-Work (PoW) เป็น Proof-of-Stake (PoS) ของ Ethereum ทำให้เครือข่ายประหยัดพลังงานได้มากถึง 99.95%
ข้อมูลจาก Digiconomist เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการการอัปเกรดเครือข่าย การใช้พลังงานของ Ethereum ลดลงจาก 80 TWh เหลือเพียง 0.01 TWh ต่อปี
- การออกเหรียญ ETH ใหม่ลดลงอย่างมาก
หลังจากการอัปเกรด ปริมาณการสร้างเหรียญ Ether ใหม่ลดลงเกือบ 90% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่โหนดผู้ตรวจสอบ (Validator Node) ของเครือข่ายได้รับผลตอบแทนน้อยลงกว่าระบบเดิมที่ได้เหรียญมาจากการขุด
อุปทานของ Ether เพิ่มขึ้นประมาณ 6,500 ETH นับตั้งแต่อัปเกรด The Merge ซึ่งคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่ 0.06% ซึ่งหากในอนาคตมีกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนเครือข่ายมากขึ้น จำนวนเหรียญก็จะถูกเผามากขึ้น ทำให้ ETH กลายเป็นสินทรัพย์เงินฝืดในอนาคตได้
- จำนวนโหนดผู้ตรวจสอบเพิ่มขึ้นมาก
ข้อมูลจาก beaconcha.in เผยว่า จำนวนโหนดผู้ตรวจสอบได้เพิ่มขึ้นจาก 420,000 สู่เกือบ 435,000 โหนดในช่วงหนึ่งเดือนหลังจากการอัปเกรด โดยมีจำนวนเหรียญ Ether ประมาณ 13.2 ล้านเหรียญที่ถูก Stake ไว้
อย่างไรก็ตาม บล็อกเชน Ethereum ถูกตั้งคำถามเรื่องการรวมศูนย์อำนาจ เนื่องจากผู้ Stake เหรียญไม่กี่รายควบคุม Validator ส่วนใหญ่ของเครือข่าย โดย Lido, Coinbase, Binance และ Kraken คิดเป็นมากกว่า 55% ของโหนดผู้ตรวจสอบทั้งหมด Shanghai ที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจช่วยให้เครือข่ายมีการกระจายอำนาจมากขึ้นก็เป็นได้
นอกจากนี้ ปัญหาคอขวดที่มีมาอย่างยาวนานของ Ethereum อย่างค่าแก๊สที่สูง สิ่งนี้ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่ง The Merge ไม่ได้ช่วยในเรื่องนี้ ส่วนปัญหาความแออัดในการทำธุรกรรม (Congestion) เทคโนโลยี Sharding อาจช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ แต่สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นจากการอัปเกรดในอนาคต
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum และทิศทางในอนาคตของเหรียญ ETH
- ทำไมเหรียญ LUNC ถึงพุ่งกว่า 425% ภายใน 14 วัน? อะไรที่อยู่เบื้องหลังการพุ่งขึ้นครั้งนี้
- ไมเคิล เบอร์รี เตือนการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีต้นตอจากตลาดคริปโต
อ้างอิง: