ปัจจุบันผู้บริโภคให้คุณค่าและใส่ใจในรายละเอียดกับแทบจะทุกสิ่งที่เขาเลือกที่จะบริโภค ยกตัวอย่างเช่น ก่อนที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อสินค้าชนิดหนึ่ง พวกเขาอยากรู้ถึงที่มาที่ไป ส่วนผสม ที่มาของส่วนผสม กระทั่งว่าสินค้าชนิดนั้นผลิตขึ้นภายใต้ความตระหนักรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมหรือไม่
พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปเหล่านี้ แน่นอนว่ามันส่งผลดีต่อตัวผู้บริโภคเองแน่นอน แต่ในทางกลับกัน เพื่อต้องการครองใจพวกเขา เหล่าผู้ผลิตก็หันมาใส่ใจกับผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ท้องตลาดมากขึ้นเช่นกัน ทำให้ทุกวันนี้ การเปิดเผยส่วนผสม แหล่งที่มาของส่วนผสม รวมถึงวิธีการผลิตที่คราฟต์และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้ทั่วไปในท้องตลาดปัจจุบัน และแน่นอนว่าเรากำลังหมายถึงสินค้าแทบจะทุกประเภท ไม่เว้นแม้แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่เก่าแก่ที่สุดอย่าง ‘เบียร์’
ฮอปส์, บาร์เลย์, ยีสต์ และน้ำ: 4 ส่วนผสมหลักในการทำเบียร์
คงจะไม่เป็นการพูดเกินไป หากเราจะบอกว่าเบียร์คือหนึ่งในเครื่องดื่มที่อาศัยความคราฟต์ในการผลิตมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลกชนิดนี้มีประวัติศาสตร์ของการผลิตที่เริ่มต้นด้วยส่วนผสมหลักเพียง 4 ชนิดเท่านั้น ได้แก่ ฮอปส์ บาร์เลย์ ยีสต์ และน้ำ แต่ด้วยความสามารถของ Brewmaster ประจำโรงผลิต ทำให้สามารถจัดการกับวัตถุดิบทั้ง 4 ได้อย่างพิถีพิถัน สร้างเป็นผลลัพธ์ในด้านรสชาติและสไตล์ออกมาได้อย่างหลากหลาย แถมแต่ละยี่ห้อ แต่ละโรงหมัก ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
จากส่วนผสมหลักสู่ความคราฟต์ของยุคใหม่ในการผลิตเบียร์
ประเทศเยอรมนีเป็นประเทศที่มีกฎหมายการผลิตเบียร์ด้วย 4 ส่วนผสมเท่านั้น* แต่กับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก คุณสามารถเลือกวัตถุดิบอื่นๆ เพื่อปรุงให้เบียร์ของคุณมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่จำเจ นั่นเป็นที่มาของกระแสคราฟต์เบียร์ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ผู้บริโภคหันมาสนใจและเลือกบริโภคคราฟต์เบียร์ (Craft Beer) และเหล่าเบียร์ทางเลือก (Specialty Beer) กันมากขึ้น รวมถึงผู้ผลิตไม่ว่าจะเจ้าเล็กหรือใหญ่ต่างก็หันลงมาให้ความสนใจกับตลาดนี้ด้วยกันทั้งสิ้น และคงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อยหากเราได้ใช้ประโยชน์วัตถุดิบท้องถิ่นอย่างกาแฟ ในการสร้างสรรค์เบียร์รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และความภูมิใจของเอเชีย เพื่อเป็นทางเลือกสุดละเมียดให้ผู้บริโภค
The First Asian Blend – ครั้งแรกของลาเกอร์จากเมล็ดกาแฟที่ปลูกในภูมิภาคเอเชีย
จากวัฒนธรรมการผลิตที่สืบทอดมาอย่างยาวนานสู่ความคราฟต์สไตล์คนรุ่นใหม่ ปีนี้ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ของประเทศไทยได้เปิดตัว Chang Espresso Lager เบียร์ลาเกอร์ผสมกาแฟสกัดเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ที่ยังคงคุณภาพตามมาตรฐานของแบรนด์ แต่เพิ่มความคราฟต์และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หวังเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนรุ่นใหม่
ความท้าทายของ Brewmaster Team สู่ทางเลือกใหม่ของผู้บริโภค
ครั้งแรกของเมล็ดกาแฟจากเอเชียที่ถูกบรรจงผสมลงในลาเกอร์เบียร์ สูตรของ Chang Espresso Lager ได้ถูกพัฒนาโดยทีมช้าง บรูว์ มาสเตอร์ (Chang Brew Master) ทีมผู้ปรุงเบียร์ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันสอนการปรุงเบียร์ระดับโลก และประกาศนียบัตรจากหลากหลายสถาบันเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงอย่าง สถาบัน The Scandinavian School of Brewing ประเทศเดนมาร์ก, สถาบัน The Versuchs – Und Lehranstalt fuer Brauerei ประเทศเยอรมนี และ สถาบัน International Centre for Brewing and Distilling (ICBD) Heriot-Watt University ประเทศสกอตแลนด์
ทีมผู้ปรุงเบียร์ได้เจอกับความท้าทายใหม่ที่ไม่ใช่แค่ความรู้เดิมเรื่องการ Brew Beer แต่ทั้งหมดต้องเข้าใจการ Brew Coffee ด้วย เริ่มจากการคัดสรรเมล็ดกาแฟชั้นดีที่เบลนด์ระหว่าง 2 สายพันธุ์ อาราบิก้าและโรบัสต้า จากเกษตรกรท้องถิ่นบนพื้นที่ที่ยึดหลักวิถียั่งยืน (Sustainability) ใน 3 ประเทศ กำหนดระดับการคั่วที่เหมาะสม กำหนดสัดส่วน และอุณหภูมิของน้ำร้อน รวมถึงระยะเวลาที่ใช้ในการบรูว์ เพื่อให้ได้กาแฟที่กลมกล่อม ไม่มีความเปรี้ยวหรือฝาดเจือปน สิ่งสำคัญคือต้องให้ผลลัพธ์ที่หอมโดดเด่น สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภค เป็นการพาความคราฟต์ของกาแฟและเบียร์มาผสมผสานกันอย่างลงตัว
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
- แหล่งปลูกเมล็ดกาแฟที่ใช้ในเบลนด์ ได้แก่
- ประเทศไทย เมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า ชุมชนเกษตรกร จังหวัด น่าน
- ประเทศลาว เมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า จากไร่ปลูกกาแฟ บนพื้นที่ราบสูงโบลาเวน เมืองปากซอง
- ประเทศเวียดนาม เมล็ดกาแฟโรบัสต้า จากแหล่งเพาะปลูกที่ราบสูงภาคตะวันตก ตอนกลางของประเทศ
- Chang Espresso Lager มีแอลกอฮอล์ 4.8%
- คาเฟอีน 5 มิลลิกรัมต่อปริมาตร 490 มิลลิลิตร
DID YOU KNOW:
ประเทศเยอรมมีวัฒนธรรมการกินเบียร์ที่สืบสานมาอย่างยาวนาน โรงผลิตเบียร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกก็ตั้งอยู่ที่นี่ และที่สำคัญ เยอรมนีเป็นประเทศที่มีกฎหมายการผลิตเบียร์ที่เรียกว่า Reinheitsgebot หรือ German Purity Law ที่ออกครั้งแรกเมื่อปี 1516 ใจความสำคัญของการผลิตเบียร์สไตล์เยอร์มันนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นลาเกอร์หรือเอล คือเบียร์ของคุณจะต้องผลิตขึ้นจากส่วนผสมเพียง 4 ชนิดเท่านั้นคือ ฮอปส์, บาร์เลย์, ยีสต์ และน้ำ ทำให้หากคุณต้องการเบียร์ที่รสชาติแตกต่าง จะต้องหาวิธีจัดการกับส่วนผสมแต่ละชนิดเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาต่างกัน
และ Chang Espresso Lager เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าศาสตร์การปรุงเบียร์สามารถผสมผสานวัตถุดิบอื่นๆ เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น สามารถทำคะแนนในกลุ่มนักดื่มที่มองหาประสบการณ์การดื่มสุดพิเศษได้อย่างลงตัว